BEAUTIFUL DAYS IN BERGEN

Travel Stories
18 มี.ค. 67
1,937
0

มีคนกล่าวไว้ว่า “ถ้ามาเบอร์เกน ต้องให้เวลา 2-3 วัน ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้เห็นความงามของเบอร์เกนอย่างแท้จริง” เพราะเบอร์เกนอยู่ริมทะเล จึงมีสภาพอากาศที่แปรปรวน วันหนึ่งอาจฝนตก ฟ้าเทา ลมแรง แต่วันรุ่งขึ้นฟ้ากลับกระจ่างใส แดดดีได้ และเมื่อนั้นจะได้เห็นว่าเมืองนี้สวยงามแค่ไหน และจะเดินเที่ยวชมเมืองได้อย่างเพลิดเพลินที่สุด อย่างที่ฉันได้พบเจอมาแล้วจากการเดินทางทริปนี้

เบอร์เกนเป็นเมืองใหญ่ลำดับที่ 2 ของนอร์เวย์ อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ และอากาศไม่หนาวมากนัก เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี และจัดได้ว่าเป็นเมืองศิลปะ เพราะมีโรงละคร มิวเซียม ประติมากรรมกลางแจ้ง มีอาคารบ้านเรือนหลากยุคหลายสมัย และแน่นอนว่ามีมุมสวยๆ ให้ฉันได้ถ่ายรูปมากมายด้วย

มีบันทึกว่า บริเวณนี้เป็นสถานีค้าขายที่สำคัญแล้วในช่วงปี ค.ศ. 1020 จนได้ตั้งเป็นเมืองใน ค.ศ. 1070 และได้รับการยกขึ้นเป็นเมืองหลวงของนอร์เวย์ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ทั้งยังเป็นเมืองหนึ่งในแฮนเซียติกลีก (Hanseatic League) หรือกลุ่มการค้าในยุโรปกลางและยุโรปเหนือที่เป็นพันธมิตรค้าขายทางทะเลเหนือและทะเลบอลติกกับคนยุโรปที่อยู่ทางใต้ กลุ่มการค้านี้มีเมืองท่าริมทะเลในเยอรมนีเป็นหัวเรือใหญ่ สินค้าหลักของนอร์เวย์ที่ค้าขายในกลุ่มนี้ คือขนสัตว์ หนังสัตว์ และปลาชนิดต่างๆ สำหรับเบอร์เกนนั้นขายปลาคอดแห้ง (Stockfish) และปลาคอดเค็ม (Salted Cod) ที่ชาวยุโรปตอนใต้เรียกตามภาษาโปรตุเกสว่า บาคาเยา (Bacalhau) ถือเป็นอาหารพื้นฐานของคนยุโรปทั่วไป ด้วยความเค็มและขนาดราวไม้หน้าสามเขื่องๆ ซึ่งหนึ่งตัวน่าจะต้มซุปหรือทำอาหารกินกันได้หลายครอบครัว บาคาเยาแพร่หลายตามคนโปรตุเกสไปอเมริกาใต้และมาเอเชียถึงมาเก๊าเลยทีเดียว

เพื่อรองรับการค้าขายที่เจริญรุ่งเรืองมาก เบอร์เกนจึงสร้างโกดังเก็บสินค้าทั้งส่งออกและนำเข้า (แป้ง ข้าวสาลี น้ำตาล ฯลฯ) ไว้ที่ริมท่าเรือ เป็นอาคารไม้หลายหลังที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกัน กลุ่มอาคารนี้เรียกว่า บริกเกน (Bryggen) ความที่สร้างด้วยไม้ จึงเกิดไฟไหม้บ่อยมากในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา และที่เห็นอยู่ในปัจจุบันมาจากการสร้างครั้งสุดท้ายเมื่อปี ค.ศ. 1702 ทุกวันนี้มีอาคารเหลืออยู่ราว 60 หลัง บริกเกนจึงเป็นดั่งสัญลักษณ์ของเมืองเบอร์เกน ถ้าเข้ามาทางทะเลจะเห็นแนวอาคารสีสดนี้ก่อนสิ่งใด เหตุที่ต้องทาสีสดๆ ก็เพื่อให้มองเห็นทะลุม่านหมอกมาได้แต่ไกล กลุ่มอาคารบริกเกนนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ. 1979

หลังจากแฮนเซียติกลีกล่มสลายในปี ค.ศ. 1789 เบอร์เกนก็ลดความสำคัญลง จนถึงปี ค.ศ. 1830 เมืองหลวงของนอร์เวย์ก็ย้ายไปที่กรุงออสโล แต่ถึงอย่างนั้นฉันว่าเบอร์เกนยังคงเป็นเมืองที่เจริญมาก พิสูจน์ได้จากการนั่งรถไฟเคเบิลขึ้นไปชมวิวเมืองจากบนเขาฟลอเยน (Fløyen) จะเห็นเขตเมืองและย่านที่พักอาศัยกว้างไกลสุดสายตา พอช่วงกลางคืนวันที่อากาศปลอดโปร่ง จะเห็นวิวเมืองมีไฟระยิบระยับสวยงามมาก

อีกย่านที่น่าสนใจในเบอร์เกน คือย่านการค้าและย่านโรงละครที่เดินต่อเนื่องไปได้ถึงทะเลสาบเล็กๆ (เป็นส่วนหนึ่งของฟยอร์ดในสมัยโบราณ) มีประติมากรรมกลางแจ้งให้ชมมากมาย ซึ่งฉันคิดว่าประติมากรรมเหล่านี้ทำให้เมืองสวยและน่าสนใจมากทีเดียว

สำหรับคนที่รักเสียงเพลง โดยเฉพาะดนตรีคลาสสิก เมื่อมาถึงเบอร์เกนแล้ว ฉันแนะนำให้ไปเยี่ยมชมบ้านของเอ็ดวาร์ด กรีก (Edvard Grieg ค.ศ. 1843-1907) คีตกวียุคโรแมนติกชาวนอร์เวย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองเบอร์เกนไปไม่ไกลนัก เพลงของเขาอาจไม่ดังแบบคนรู้จักกันทั่วอย่าง Für Elise ของเบโธเฟน แต่จะคุ้นหูมาก เพราะถูกนำมาใช้กับโฆษณาหรือเป็นเพลงประกอบในภาพยนตร์บ่อยๆ และนั่นจะเป็นการปิดท้ายทริปเที่ยวเบอร์เกนได้อย่างครบสมบูรณ์

บริกเกน กลุ่มอาคารไม้ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของเมืองเบอร์เกน ในอดีตใช้เป็นโกดังเก็บสินค้าส่งออกและนำเข้า

Photographer: Mathias Falcone

   

กลุ่มอาคารบริกเกน มรดกโลกยูเนสโก ยังมีชีวิตชีวาด้วยการเปิดเป็นร้านค้า คาเฟ และมีพิพิธภัณฑ์เล่าเรื่องราวในอดีตอยู่ด้วย

โรงละครประจำเมืองเบอร์เกน

รูปสลักหินเฮนริก อิบเซน (Henrik Ibsen ค.ศ. 1828-1906) นักเขียนบทละครและผู้กำกับละครเวทีชื่อก้อง ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของละครเวทีสมัยใหม่ เขาเคยทำงานประจำที่โรงละครเบอร์เกน บทละครของเขาถูกนำมาแสดงบนเวทีทุกมุมโลก จำนวนครั้งรวมจะเป็นรองแค่บทละครของเชกสเปียร์เท่านั้น 

ร้านขายของในย่านการค้ากลางเมือง

งานศิลปะบนพื้นถนนกลางย่านการค้า ใช้น้ำมาเล่นกับระดับพื้นและการดีไซน์

ประติมากรรม Lying Poet ฝีมือฮันส์ จาค็อบ (Hans Jacob) ที่จัตุรัสโอเล่ บูลล์ (Ole Bull Plass) กลางเมืองเบอร์เกน

อนุสาวรีย์โอเล่ บูลล์ (Ole Bull ค.ศ. 1810-1880) นักไวโอลินและคีตกวีที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่งของเบอร์เกนและนอร์เวย์

อนุสาวรีย์ Ludvig Holberg  (ค.ศ. 1684-1754) นักเขียนนอร์เวย์/เดนิชผู้มีชื่อเสียงของนอร์เวย์และเดนมาร์ก

วิวอ่าวและท่าเรือเมืองเบอร์เกนยามค่ำคืนจากจุดชมวิวบนเขาฟลอเยน

Photographer: Mathias Falcone

สถานีรถไฟเคเบิลขึ้นภูเขาฟลอเยน

   

ท่าเรือที่อ่าวหน้าเมืองเบอร์เกน

ถนนกลางเมืองในย่านการค้า มีอนุสาวรีย์นักเดินเรือที่สร้างขึ้นเพื่อยกย่องนักเดินเรือชาวเบอร์เกนทุกยุคทุกสมัย เป็นจุดนัดพบสำคัญของเมืองนี้

 

มาร์เคนสตรีต (Marken Street) ย่านถนนคนเดินในเขตเมืองเก่า อาคารบ้านเรือนมีทั้งที่เป็นไม้และตึกจากศตวรรษที่ 16-18 ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นร้านค้า คาเฟ ออฟฟิศ รวมทั้งที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว

Lille Lungegårdsvannet ทะเลสาบรูป 6 เหลี่ยมกลางเมืองเบอร์เกน เคยเป็นส่วนหนึ่งของฟยอร์ดในสมัยโบราณ

ศาลาหลังงามกลางสวนสวย ในช่วงฤดูร้อนจะมีวงดนตรีคลาสสิกมาบรรเลงเพลงให้ฟังฟรีๆ

ประติมากรรมเดนิชเกิร์ล ฝีมือเกอร์ฮาร์ด เฮนนิง (Gerhard Henning ค.ศ. 1880-1967)

ประติมากรรมทำจากแผ่นโลหะ อนุสาวรีย์ของกษัตริย์โอลาฟ คีร์ (Olav Kyrre) บนหลังม้า ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเมืองเบอร์เกนเมื่อ ค.ศ. 1070 สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1998

พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Kode ตัวอาคารจากยุคหลังสงครามโลก

รูปหล่อเท่าตัวจริงของเอ็ดวาร์ด กรีก (Edvard Grieg) ที่หน้า Grieghallen สถานที่แสดงดนตรีในเบอร์เกน

บ้าน Troldhaugen ของคีตกวี เอ็ดวาร์ด กรีก ที่ซึ่งเขาได้สร้างผลงานเพลงสุดโรแมนติกในบรรยากาศที่งดงามทั้งภายในบ้านและสภาพแวดล้อมโดยรอบ

Photo Credits: Edvard Grieg Museum/Troldhaugen

บ้าน Troldhaugen ของคีตกวี เอ็ดวาร์ด กรีก ที่ซึ่งเขาได้สร้างผลงานเพลงสุดโรแมนติกในบรรยากาศที่งดงามทั้งภายในบ้านและสภาพแวดล้อมโดยรอบ

Photo Credits: Edvard Grieg Museum/Troldhaugen

เอ็ดวาร์ด กรีก คีตกวียุคโรแมนติกชาวนอร์เวย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง

 

เรื่อง : นิศารัตน์ ภาพ : Mathias Falcone / Edvard Grieg Museum / Troldhaugen