Lofoten - Paradise on Earth
หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) ประเทศนอร์เวย์ เป็นอีกจุดหมายในฝันของใครหลายๆ คน ถ้าจะว่ากันจริงๆ สถานที่แห่งนี้ก็เพิ่งจะมาอยู่ในกระแสไม่นานมานี้เอง หมู่เกาะโลโฟเทนนั้นตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์อย่าง Nordland เลยขึ้นไปอีกหน่อยก็แทบจะถึงขั้วโลกเหนืออยู่แล้ว ด้วยความที่เป็นบริเวณที่อยู่ใน Arctic Circle จึงเป็นจุดที่สามารถมองเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน จึงไม่แปลกที่จะได้เห็นภาพแสงเหนือสวยๆ ของสถานที่แห่งนี้จากช่างภาพทั่วทุกมุมโลก
การมาเยือนหมู่เกาะโลโฟเทนนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็นสองช่วงหลักๆ คือ ช่วงฤดูร้อน (พฤษภาคม - สิงหาคม) ช่วงนี้เรียกว่าแทบจะไม่มีช่วงเวลากลางคืนเลยทีเดียว เหมาะกับการมาเที่ยวทำกิจกรรมและเดินไฮกิ้ง แต่ถ้าหากต้องการจะมาดูแสงเหนือเป็นหลักก็คงต้องเลือกมาในช่วงฤดูหนาว (ตุลาคม - มีนาคม) ซึ่งจะมีช่วงเวลากลางคืนทำให้มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้
สำหรับการเดินทางไปยังหมู่เกาะโลโฟเทน แนะนำให้บินภายในประเทศจาก ออสโล (Oslo) มาลงที่ เลกเนส (Leknes) โดยสามารถนอนพักที่หมู่บ้านไรเนอร์ (Reine) จุดเดียวเลยก็ได้ จากนั้นให้เช่ารถเพื่อขับท่องเที่ยวไปยังหมู่เกาะต่างๆ โดยรอบแบบไป-กลับ อาจจะใช้เวลาสัก 3-4 คืน อย่าลืมเช็กเรื่องยางฤดูหนาวว่าติดตั้งมาแล้วหรือยัง รวมถึงประกันรถต่างๆ เพราะถนนที่นั่นมีขนาดค่อนข้างเล็ก ไม่ค่อยมีไหล่ทาง ถ้าสภาพอากาศไม่ดี หิมะตกหนัก อาจมีโอกาสที่รถจะไถลลงข้างทางได้ แต่หากใครมีเวลาน้อยก็สามารถบินกลับไปยังออสโลได้เลย แต่ถ้าหากยังมีเวลาเหลือ ไหนๆ ก็มาแล้ว อาจจะขับรถต่อไปยัง หมู่เกาะเซนญา (Senja) และ ทรุมเซอ (Tromso) ได้เช่นกัน
สำหรับการพักแรม แนะนำให้ลองดูพวก โรบูเออ (Rorbuer) ซึ่งก็คือบ้านชาวประมงที่นำมารีโนเวตใหม่ให้เป็นที่พักแก่นักท่องเที่ยว สามารถเข้าไปเช็กได้ที่ https://rorbuer.no/ อยู่ที่หมู่บ้านฮัมนอย (Hamnoy) ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปแลนด์มาร์กของโลโฟเทนก็ว่าได้
สำหรับการถ่ายภาพแสงเหนือให้สวยถูกใจ แม้จะสามารถถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือได้แล้ว แต่ภาพที่ได้อาจคุณภาพไม่ดีนัก เพราะการถ่ายภาพแสงเหนือจำเป็นต้องถ่ายในเวลากลางคืน เมื่อแสงสว่างมีน้อย ก็เป็นปกติที่จะทำให้ภาพที่ได้ มี Noise อยู่มาก จึงอาจต้องมีอุปกรณ์ช่วยอย่างขาตั้งกล้อง และใช้โหมดถ่ายภาพกลางคืนเข้ามาช่วย โดยสิ่งสำคัญที่สุดอาจจะไม่ใช่เรื่องการถ่ายรูปได้ดี แต่เป็นเรื่องของสภาพอากาศล้วนๆ ถ้าวันไหนฟ้าเปิดมีเมฆน้อย ก็มีโอกาสที่จะเห็นแสงเหนือได้มาก ยิ่งถ้าช่วงนั้นมีพายุสุริยะ (Solar Activity) ที่มีความรุนแรง ก็จะยิ่งมีโอกาสมองเห็นแสงเหนือระเบิดเต็มท้องฟ้าได้ โดยสามารถเช็กความแรงของแสงเหนือได้จากเว็บไซต์ https://www.solarham.net/ หรือ แอปพลิเคชัน My Aurora Forecast https://www.jrustonapps.com/apps/my-aurora-forecast
ใครอยากไปตามล่าแสงเหนือก็เตรียมแพลนทริปกันไว้ล่วงหน้าได้เลย
วิวจากสะพานด้านหน้าหมู่บ้านฮัมนอย เรียกว่าเป็นจุดถ่ายรูปแลนด์มาร์กของที่นี่เลย
หิมะตกหนักทั้งคืนออกไปไหนไม่ได้ แต่พอตื่นมาตอนเช้าสวยงามเหมือนอยู่ในความฝัน
บ้านพักสไตล์ Rorbuer สีแดงโดดเด่น มีความเป็นเอกลักษณ์สูงมาก
แสงเหนือมาหาถึงหน้าที่พัก
แสงเหนือที่เห็นในภาพนี้ถือว่าเป็นแค่ระดับต้นเท่านั้น ถ้าโชคดีก็จะได้เจอแบบที่แรงกว่านี้
หมู่บ้านไรเนอร์ ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่ใหญ่และสวยที่สุดในหมู่เกาะโลโฟเทน
จุดชมวิวหมู่บ้านไรเนอร์ในช่วงเช้า
ช่วงพระอาทิตย์ตกก็สวยงามมากเช่นกัน น้ำนิ่งจนเกิดเป็นเงาสะท้อน
Sakrisøy หมู่บ้านสีเหลืองแห่ง Lofoten
มุมบ้านเหลืองยอดฮิตประจำ Sakrisøy
ภาพจากโดรนของหมู่บ้าน Henningsvaer
ชายหาด Uttakleiv เป็นอีกจุดที่สามารถเห็นแสงเหนือได้อย่างสวยงาม
ปลาค็อดตากแห้งเห็นได้ทั่วไปทั่วหมู่เกาะโลโฟเทน แม้ถ้ามองไม่เห็นแต่รับรองว่าได้กลิ่นมาแต่ไกลแน่นอน
เรือลำจิ๋วหน้าตาแบบนี้สามารถพบเห็นได้อยู่เป็นประจำในแถบนี้ เรียกว่าดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
Highland Cow น้องวัวที่มีผม (ขน) ทรงอีโมนี้จริงๆ จะมีถิ่นฐานมาจากโซน Scotland แต่ชาวบ้านที่ทำปศุสัตว์ในแถบนี้น่าจะนำน้องเข้ามาเพาะเลี้ยงเพื่อบริโภค
สำหรับคนที่มีเวลามากพอ เราก็มีจุดอื่นๆ ที่อยากแนะนำให้ได้ไปเยือนสักครั้ง เพราะความสวยงามของธรรมชาติและการใช้ชีวิตเช่นนี้หาไม่ได้ง่ายๆ สามารถเซิร์ชชื่อค้นหาทาง Google Maps ได้เลย
- Flakstad
- Nusfjord
- Sakrisøy
- Å
- Uttakleiv Beach
- Ballstad
- Henningsvær
เรื่องและภาพ : Notjustnut