Fall Foliage In New England and Canada

Travel Stories
9 ต.ค. 67
2,721
0

ช่วงตุลาคม-พฤศจิกายน เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการไปดูใบไม้เปลี่ยนสี นอกจากโซนเอเชียที่ติดอันดับความนิยมอย่างญี่ปุ่น ไต้หวัน หรือเกาหลีแล้ว ฝั่งทวีปอเมริกาที่แม้จะไกลสักหน่อย แต่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ซีนที่ใบไม้ต่างพากันเปลี่ยนสีจากที่เคยเขียวขจีกลายเป็นสีเหลือง ทอง ส้ม แดง น้ำตาล ก่อนจะร่วงหล่น ตัดกับต้นสนที่ใบเขียวเข้มตลอดปี ก่อให้เกิดภาพธรรมชาติที่งดงามที่สุดภาพหนึ่ง โดยเฉพาะ นิวอิงแลนด์ (New England) ของสหรัฐอเมริกา และแคนาดาฝั่งตะวันออก ซึ่งมีอาณาบริเวณรวมกว้างใหญ่มาก ชมใบไม้เปลี่ยนสีกันได้อย่างจุใจจริงๆ

นิวอิงแลนด์ คือพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยรัฐ 6 รัฐ ได้แก่ คอนเนทิคัต (Connecticut) เมืองหลวง คือ ฮาร์ตเฟิร์ด (Hartford), รัฐเมน (Maine) เมืองสำคัญ คือพอร์ตแลนด์ (Portland), รัฐแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts) เมืองหลวง คือบอสตัน (Boston), รัฐนิวแฮมป์เชอร์ (New Hampshire) เมืองหลวง คือคองคอร์ด (Concord), รัฐโรดไอแลนด์ (Rhode Island) เมืองหลวง คือพรอวิเดนซ์ (Providence) และสุดท้าย คือเวอร์มอนต์  (Vermont) ซึ่งมีมอนต์พีเลียร์ (Montpelier) เป็นเมืองหลวง

ส่วนทางฝั่งแคนาดา ที่นิยมไปชมใบไม้เปลี่ยนสีรวมทริปกับนิวอิงแลนด์ คือโนวาสโกเชีย (Nova Scotia หรือ New Scotland) และถ้าใครมีเวลา ก็อาจต่อไปจนถึงควิเบก (Quebec) ได้

วิธีเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีที่นิยมกัน คือขับรถเที่ยวเอง แวะไปเรื่อยๆ ตามแต่ใจ กับอีกวิธีที่คนอเมริกัน โดยเฉพาะผู้ใหญ่นิยมกัน คือการล่องเรือสำราญระหว่างบอสตันกับควิเบก ซึ่งให้บริการช่วงปลายกันยายนถึงกลางตุลาคมเท่านั้น

ฉันเริ่มต้นเดินทางชมใบไม้เปลี่ยนสีที่บอสตัน สำหรับคนชอบประวัติศาสตร์ ที่นี่มีเส้นทางเดินย้อนอดีตก่อนเป็นสหรัฐอเมริกาอย่าง Freedom Trail หรือเส้นทางสู่อิสรภาพ ให้ได้ศึกษาเรียนรู้ เช่นเดียวกับมิวเซียมดีๆ หลายแห่ง

จากบอสตัน มีเส้นทางขับรถไปยังรัฐอื่นๆ ในนิวอิงแลนด์ให้เลือกมากมาย ถ้าชอบเส้นทางสวยๆ มีฟาร์มและไร่องุ่นให้แวะชม ต้องไปทางคอนเนทิคัต ถ้าชอบเมืองเล็กเมืองน้อยและเส้นทางเลียบริมทะเล ต้องไปทางโรดไอแลนด์ ส่วนนิวแฮมป์เชอร์นั้นมีธรรมชาติ ป่าเขา และทะเลสาบ เช่นเดียวกับเวอร์มอนต์ ซึ่งใบเมเปิลที่นั่นสีจัดจ้านมาก ฉันมักรู้สึกว่าใบไม้เปลี่ยนสีของอเมริกานั้นสีจัดกว่าที่อื่นๆ ของโลก อาจเป็นเพราะขนาดของต้นและใบที่ใหญ่กว่าที่อื่นๆ จากนั้นฉันขึ้นเหนือไปจบทริปนี้ที่เมน ซึ่งมีอุทยานแห่งชาติ หมู่บ้านริมทะเล และที่สำคัญคือ มีอาหารทะเลสุดอร่อยอย่างเมนล็อบสเตอร์และหอยนางรม

และจากเมืองบาร์ฮาร์เบอร์ (Bar Harbor) ในเมน มีเรือเฟอร์รีข้ามฟากไปยังเมืองยาร์มัท (Yarmouth) ของโนวาสโกเชียในแคนาดา สามารถนำรถข้ามเฟอร์รีไปด้วยได้ ใช้เวลาเดินทาง 3.5 ชั่วโมง มีวิวสวยๆ สองข้างทางให้ชมเพลินๆ แบบไม่ทันเบื่อ

ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นหรือช้าลงได้ตามสภาพอากาศในปีนั้นๆ แนะนำว่าให้เช็กพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีจากเว็บไซต์ต่างๆ ของนิวอิงแลนด์และแคนาดาก่อนเดินทางทุกครั้ง เพื่อจะได้ไม่พลาดชมภาพธรรมชาติที่สวยงามน่าประทับใจ

Boston, Massachusetts

เมืองบอสตันในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

Photo Credit: Tim Grafft / MOTT

Faneuil Hall Marketplace, Boston(ภาพบน)

อาคารตลาดแฟนเนิลในย่านเก่าบอสตัน ตัวอาคารสร้างมาตั้งแต่ ค.ศ. 1742 ให้เป็นตลาดกลางพบปะค้าขาย ปัจจุบันยังเป็นตลาดขายอาหาร เสื้อผ้า ของที่ระลึกต่างๆ

Union Oyster House, Boston(ภาพล่าง)

ร้านยูเนียน ออยสเตอร์ เฮาส์ เป็นร้านอาหารและบาร์เสิร์ฟเครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในบอสตัน เปิดให้บริการมาตั้งแต่ ค.ศ. 1826 ใครไปถึงบอสตัน ไม่ควรพลาดร้านนี้

Photo Credit: Kristen Milano

Springfield Museums, Massachusetts

พิพิธภัณฑ์สปริงฟิลด์ที่เมืองสปริงฟิลด์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ภายในมีทั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ฯลฯ ให้เที่ยวชม

Sudbury, Massachusetts(ภาพบน) 

กังหันน้ำของโรงสีแป้งในเมืองซุดบิวรี รัฐแมสซาชูเซตส์ สีสันเข้ากับฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

Easthampton, Massachusetts(ภาพล่าง) 

เมืองอีสต์แฮมป์ตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีไปทั้งเมือง

Bishop’s Orchards, Guilford, Connecticut

ฟักทองที่สวนผลไม้บิชอปในเมืองกิลฟอร์ด รัฐคอนเนทิคัต ช่วงเดือนตุลาคม ฟาร์มต่างๆ ในนิวอิงแลนด์จะนำฟักทองมาวางขายเพื่อเตรียมต้อนรับเทศกาลฮาโลวีน

Newport, Rhode Island

ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวนสาธารณะในเมืองนิวพอร์ต รัฐโรดไอแลนด์

Photo Credit: Tim Walsh

Newport, Rhode Island

ริมทะเลของนิวอิงแลนด์มีประภาคารตั้งอยู่หลายแห่ง เพื่อนำทางการเดินเรือในสมัยก่อน อย่างเช่นที่เมืองนิวพอร์ต รัฐโรดไอแลนด์นี้

Photo Credit: Tim Walsh

Conway, New Hampshire

รถไฟชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่เมืองคอนเวย์ รัฐนิวแฮมป์เชอร์

White Mountains Driving Loop, New Hampshire เส้นทางขับรถเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสี White Mountains Driving Loop รัฐนิวแฮมป์เชอร์

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการไปชมใบไม้เปลี่ยนสี ต้องมีวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา (และแคนาดา) การขับรถเที่ยวเองต้องมีใบขับขี่นานาชาติ และคำนึงด้วยว่ารถที่นั่นใช้พวงมาลัยซ้าย แม้สภาพอากาศโดยทั่วไปจะอยู่ในระดับเย็นสบาย แต่แนะนำว่าควรเตรียมเสื้อกันหนาวและเสื้อผ้าอบอุ่นสำรองไปด้วย เพราะอากาศอาจเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

Edson Hill, Stowe, Vermont

เอ็ดสัน ฮิลล์ ที่พักในเมืองสโตว์ รัฐเวอร์มอนต์ ท่ามกลางบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสี

Hildene, Vermont

ฮิลดีน บ้านเดิมของครอบครัวอับราฮัม ลินคอล์น ที่รัฐเวอร์มอนต์

Stowe, Vermont

โบสถ์ของชุมชนที่เมืองสโตว์ รัฐเวอร์มอนต์ ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อาจเป็นภาพที่รู้สึกคุ้นตา เพราะถูกถ่ายภาพเป็นปฏิทินและใช้เป็นหน้าจอคอมพิวเตอร์บ่อยๆ

Maine

รัฐเมนมีชื่อเรื่องอาหารทะเล โดยเฉพาะหอยนางรมสด

Portland Head Light, Cape Elizabeth, Maine

ประภาคารพอร์ตแลนด์เฮดที่เมืองเคปเอลิซาเบธ จุดท่องเที่ยวและถ่ายภาพยอดนิยมของรัฐเมน

Old Orchard Beach, Maine

ท่าเรือไม้เก่าแก่ที่เมืองตากอากาศโอลด์ ออร์ชาร์ด บีช ในรัฐเมน

Maine Lobster

ล็อบสเตอร์ของเมนขึ้นชื่อเรื่องความสด เนื้อแน่น และอร่อย

Tusket River, Yarmouth, Nova Scotia

แม่น้ำทัสเก็ตในเขตป่าสงวนโทบิเอติก (Tobeatic Wilderness Area) ใกล้เมืองยาร์มัท ทางใต้ของโนวาสโกเชีย ถ้าดูแผนที่ โนวาสโกเชียจะเป็นเหมือนเกาะแยกออกมาทางตะวันออกสุดของแคนาดา มีชื่อเรื่องความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีอย่างไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะทางเหนือสุด

Photo Credit: Malcolm Seaboyer

Halifax, Nova Scotia(ภาพบน)

ประภาคารริมทะเลใกล้เมืองฮาลิแฟ็กซ์ โนวาสโกเชีย

Peggy's Cove Lighthouse, Nova Scotia(ภาพล่าง)

ประภาคารที่เพ็กกีสโคฟ จุดท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งทางตอนใต้ของโนวาสโกเชีย

Photo Credit: Skyline Studio

Peggy's Cove, Nova Scotia

ชุมชนประมงที่เพ็กกีสโคฟ โนวาสโกเชีย

Photo Credit: Dean Casavechia

Southwest Mabou, Cape Breton Island, Nova Scotia (ภาพบน) 

ขี่จักรยานเที่ยวไปตามเส้นทางธรรมชาติ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้สัมผัสบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีของแคนาดาได้อย่างใกล้ชิด

Photo Credit: @daveyandsky

Cape Breton Island, Nova Scotia(ภาพล่าง)

ที่พักริมทางที่เคปบริตอนไอแลนด์ ทางเหนือของโนวาสโกเชีย

Photo Credit: @daveyandsky

Meat Cove, Cape Breton Island, Nova Scotia(ภาพซ้าย) 

มีตโคฟที่เคปบริตอนไอแลนด์ โนวาสโกเชีย

Photo Credit: Tom Cochrane

Broad Cove Mountain, Cape Breton Highlands National Park(ภาพขวาบน)

ใบไม้เปลี่ยนสีที่ภูเขาบรอดโคฟในอุทยานแห่งชาติเคปบริตอนไฮแลนด์ส

Photo Credit: Adam Hill

North Mountain, Cape Breton Highlands National Park(ภาพขวาล่าง)

เส้นทางขับรถเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสี นอร์ทเมาน์เทน ที่อุทยานแห่งชาติเคปบริตอนไฮแลนด์ส

Photo Credit: Adam Hill

Heart Shaped Pond, Hemlock Ravine Park, Nova Scotia(ภาพซ้าย)

สระน้ำรูปหัวใจในสวนสาธารณะเฮมล็อกราวีน โนวาสโกเชีย

Photo Credit: Sahil Kumar

Bras d'Or Lake, Cape Breton Island, Nova Scotia(ภาพขวาบน)

ทะเลสาบ Bras d'Or ที่เคปบริตอนไอแลนด์ โนวาสโกเชีย

Glenora Inn and Distillery, Cape Breton Island, Nova Scotia(ภาพขวาล่าง)

Glenora Inn and Distillery ที่เคปบริตอนไอแลนด์ โนวาสโกเชีย

Photo Credit: Davey and Sky

 

เรื่องและภาพ : นิศารัตน์