ตามติดความยิ่งใหญ่ของปักกิ่ง แพลนเที่ยว 3 วัน 2 คืน ฉลองฟรีวีซ่า
เมื่อจีนเปิดฟรีวีซ่า เราก็ไม่รอช้าที่จะชวนทุกคนเปิดใจไปเที่ยว ‘ปักกิ่ง’ เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน สัมผัสประสบการณ์สุดว้าว ที่รับรองว่าอ่านแล้วจะต้องอยากออกไปจองตั๋วเสียเดี๋ยวนั้น!
ด้วยความที่ปักกิ่งเป็นเมืองใหญ่ และเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ในขณะที่เรามีเวลาสำหรับทริปนี้แค่ 3 วัน 2 คืน เราเลยคัดพิกัดแบบครีมๆ มาแนะนำกัน รับรองครบถ้วนหลักสูตรปักกิ่ง 101
วันที่ 1 : หอฟ้าเทียนถาน (Temple of Heaven) และจัตุรัสเทียนอันเหมิน (Tiananmen Square) ตื่นตาตื่นใจกับศิลปะและสถาปัตยกรรมที่งดงาม
วันที่ 2: กำแพงเมืองจีน (ด่าน Mutianyu) สัมผัส 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
วันที่ 3: พระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) และถนนโบราณหนานโหลวกู่เซียง (Nanluoguxiang) เดินชิลล์ๆ ชมวิถีชีวิตคนท้องถิ่น
พร้อมแล้วก็เก็บกระเป๋าออกเดินทางกันเลย
วันที่ 1 : หอฟ้าเทียนถานและจัตุรัสเทียนอันเหมิน
เช้าวันแรกในปักกิ่ง เราเริ่มต้นกันที่ หอฟ้าเทียนถาน (Temple of Heaven) เดินทางง่ายมาก แค่นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 5 มาลงที่สถานี Tiantan Dongmen จากนั้นเดินต่ออีกเพียง 15 นาที ก็ถึงหอฟ้าเทียนถาน ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในปี 1420 ในสมัยราชวงศ์หมิง เป็นสถานที่ที่จักรพรรดิใช้ประกอบพิธีบวงสรวงเพื่อขอฝนและความอุดมสมบูรณ์จากสวรรค์ และหอฟ้าเทียนถานยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกอีกด้วยนะ
ทางเข้าหอฟ้าเทียนถานจะเป็นสวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ เราไปที่นี่กันตั้งแต่เช้า รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในหนังจีนโบราณ คลอด้วยเสียงเพลงเบาๆ จากผู้สูงอายุที่กำลังรำไทเก๊ก ให้ความรู้สึกถึงสุขภาพที่แข็งแรงและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย จนเราแทบลืมไปเลยว่ากำลังอยู่ในกรุงปักกิ่งที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย!
แม้การเดินขึ้นไปชั้นบนสุดของหอฟ้าเทียนถานอาจจะเหนื่อยสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าเมื่อมองลงมาจากจุดสูงสุด วิวทิวทัศน์อันงดงามจะทอดยาวสุดสายตา รับรองหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง!
Tip and Trick :
ในการเยี่ยมชมแนะนำมาช่วงเช้าสักหน่อยเพราะคนจะน้อย และจะได้สัมผัสบรรยากาศที่เงียบสงบของสวนและอาคารโบราณได้อย่างเต็มอิ่ม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/1G18sWguBbX4ENu26
ต่อจากนั้นนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินหรือจะเรียกแท็กซี่ก็ได้ สะดวกไม่แพ้กัน ต่อไปยัง จัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร ที่นี่ตั้งอยู่กลางเมืองปักกิ่ง จัตุรัสนี้สร้างขึ้นในปี 1949 เพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมสำคัญทางการเมืองหลายครั้ง
ที่นี่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และเป็นจุดที่ทำให้เรารู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของจีน การได้ยืนอยู่กลางจัตุรัสที่กว้างใหญ่และมองไปยังพระราชวังต้องห้ามในระยะไกล ทำให้เรารู้สึกถึงความสำคัญและความรุ่งเรืองของอาณาจักรจีน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/VGoQkkAo4qwGNcqF8
วันที่ 2 : กำแพงเมืองจีน (ด่าน Mutianyu) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ควรไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง
วันนี้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการผจญภัยทั้งวันที่กำแพงเมืองจีน (ด่าน Mutianyu) กำแพงเมืองจีนเริ่มสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉินเมื่อประมาณ 200 ปีก่อนคริสตกาล เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่านอกเขตแดน ด่าน Mutianyu มีความยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร และมีป้อมปราการถึง 22 ป้อม อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 1.5 ชั่วโมง สามารถเดินทางไปด้วยรถบัสสาธารณะ หรือจะเหมารถยนต์ไปเลยก็ได้ (เหมารถแพงแต่สะดวกกว่า)
ด่าน Mutianyu จากที่เราหาข้อมูลมา เขาบอกว่าเงียบสงบและมีทิวทัศน์ที่สวยงามกว่าด่านอื่นๆ การขึ้นไปบนกำแพงมีด้วยกันสองวิธีคือ เดินขึ้นหรือนั่งกระเช้าไฟฟ้า เราเลือกนั่งกระเช้าขึ้นไปเพื่อประหยัดแรง และเก็บพลังไว้เดินบนกำแพงดีกว่า (ขอบอกว่าอย่างเหนื่อย 555)
ระหว่างทางเราได้พบกับนักท่องเที่ยวจากหลากหลายประเทศ ได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวและความประทับใจในการเที่ยวจีนกัน และที่นี่มีทางเลือกในการลงจากกำแพงที่เราอยากแนะนำคือ การลงสไลเดอร์ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่สนุกและไม่เหมือนใคร ขอบอกว่าเด็ดมากรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/xxW17x5hqmihsbtt8
Tip and trick :
- ซื้อบัตรเข้าชมล่วงหน้าออนไลน์เพื่อหลีกเลี่ยงการรอคิว
- ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาเที่ยวคือช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง
วันที่ 3: พระราชวังต้องห้ามและถนนโบราณหนานโหลวกู่เซียง
วันสุดท้ายของการเดินทาง เราเริ่มต้นที่ พระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) ซึ่งเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงเมื่อปี 1406 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1420 ที่นี่เคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิ 24 รัชกาลของราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง พระราชวังต้องห้ามเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิจีนและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง
การเดินทางมายังที่นี่สะดวกมากโดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดินสาย 1 ลงที่สถานี Tiananmen East หรือ Tiananmen West เมื่อเข้าไปในพระราชวังจะเดินผ่านประตูที่ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ทำให้เรารู้สึกเหมือนเข้าไปในโลกอีกใบที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางการเมืองและวัฒนธรรม ควรใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวันเพื่อสำรวจ
ความยิ่งใหญ่ของพระราชวังและการตกแต่งอย่างประณีตในแต่ละห้อง ทำให้เรารู้สึกทึ่งกับความอลังการของอาณาจักรจีนโบราณอยู่ไม่น้อย
Tip and trick : ซื้อบัตรเข้าชมล่วงหน้าออนไลน์เพราะมีจำนวนจำกัดในแต่ละวัน
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/XFHpS1Xb6ei6w33S7
ช่วงบ่าย เราออกจากพระราชวังต้องห้าม เดินทางต่อไปยัง ถนนโบราณหนานโหลวกู่เซียง (Nanluoguxiang) โดยนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 6 ลงที่สถานี Nanluoguxiang ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่น่าสนใจมากมาย มีอาหารและขนมอร่อยๆ ให้ได้ซื้อชิมกันตลอดแนวถนน
การเดินเล่นที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินทางย้อนเวลาไปสู่ยุคโบราณของปักกิ่ง การได้ชิมอาหารท้องถิ่นทำให้เราสามารถสัมผัสวัฒนธรรมของชาวจีนได้อย่างใกล้ชิด
ถนนโบราณหนานโหลวกู่เซียง เคยเป็นย่านที่พักอาศัยของขุนนางในสมัยราชวงศ์หยวน ปัจจุบันกลายเป็นย่านที่มีชีวิตชีวาและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/rqmDv2gFo9BBAbTw6
ปักกิ่งเป็นเมืองที่ผสมผสานระหว่างความยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์และความมีชีวิตชีวาของวัฒนธรรม การได้มาเยือนที่นี่แม้เพียง 3 วัน ก็ทำให้เราได้สัมผัสกับแก่นแท้ของมหานครที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและสถานที่น่าทึ่งมากมาย
หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยให้หลายๆ คนวางแผนการเดินทางมาที่เมืองหลวงของจีนได้ไม่ยาก แล้วอย่าลืมเก็บโมเมนต์มาแชร์กันด้วยนะ
เรื่องและภาพ : ChillJourney : เที่ยวกับชิว