Explore the Charming Carcassonne in France

Travel Story
28 เม.ย. 67
977
0

ใครชอบอ่านนิทานเจ้าหญิงเจ้าชาย หรือเป็นสายบอร์ดเกม คอมพิวเตอร์เกม น่าจะเคยเห็นชื่อ “Carcassonne” มาบ้าง จนอาจคิดว่าชื่อนี้มาจากเทพนิยายที่แต่งขึ้นและไม่มีอยู่จริง

แต่เชื่อไหมว่า “คาร์คาซอนน์” นั้นมีอยู่จริงๆ เป็นชื่อเมืองๆ หนึ่งทางตอนใต้ของฝรั่งเศส และเป็นเมืองที่ยังคงสภาพความเป็นเมืองป้อมปราการจากยุคกลางมาจนถึงปัจจุบันได้สมบูรณ์แบบที่สุด

คาร์คาซอนน์ตั้งอยู่ในแคว้นอ็อกซิตานี (Occitanie) เริ่มมีการสร้างเมืองเป็นป้อมปราการในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 และต่อเติมจนเป็นแบบปัจจุบันในคริสต์ศตวรรษที่ 13 หลังจากนั้นก็ผ่านสงครามหลายครั้ง จนถูกทิ้งร้างในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 เมื่อความเจริญย้ายไปที่เขตเมืองใหม่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ จนรัฐบาลกลางดำริจะทำลายลง จึงเกิดแคมเปญรณรงค์ซ่อมแซมเมืองเก่าไปทั่วประเทศ เพราะที่นี่เป็นเมืองป้อมปราการสมบูรณ์แบบที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ซึ่งมีให้เห็นไม่มากนัก และเป็นเสมือนบันทึกสถาปัตยกรรมทางทหารที่สำคัญ เพราะมีการสร้างช่องให้ทหารแอบมองศัตรูโดยที่ด้านนอกไม่สามารถยิงเข้ามาได้ มีที่เทกรวดทรายและน้ำมันร้อนลงจากทางเดินบนกำแพง รวมทั้งมีสะพานชักเก็บได้และมีคูกั้นเป็นลำดับจากกำแพงก่อนจะถึงตัวปราสาท

หลังจากหลายฝ่ายรณรงค์ให้รักษาเมืองเก่าคาร์คาซอนน์ได้สำเร็จ ยูจีน วิโอลเลต์-เลอ-ดุก สถาปนิกผู้มีชื่อเสียง ก็เข้ามาบูรณะเมืองในปี ค.ศ. 1853 ไกด์ที่พาชมปราสาทเล่าให้ฉันฟังว่า การบูรณะเมืองมีข้อผิดพลาด เนื่องจากสถาปนิกทำการซ่อมอาคารเก่าทางตอนเหนือของฝรั่งเศสมาก่อน จึงนำหินชนวนที่เหลืออยู่มาบูรณะหลังคาหอคอย ทั้งที่ควรจะใช้กระเบื้องดินเผา เพราะทางตอนใต้ของฝรั่งเศสไม่มีหินชนวน!! แต่กว่าจะรู้ตัวว่าบูรณะผิด ทุกอย่างก็แล้วเสร็จ เลยไม่มีใครติดใจอะไร ทุกวันนี้จึงเห็นหอคอยมีหลังคาทั้งที่มุงด้วยหินชนวนสีเทาเข้มและกระเบื้องดินเผาสีส้ม ในขณะที่อาคารต่างๆ เป็นกระเบื้องดินเผาสีอิฐส้ม

การเดินเล่นในเขตเมืองเก่าคาร์คาซอนน์ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้ย้อนอดีตไปกว่าพันปี กลับไปอยู่ในยุคกลางของยุโรป ด้วยสภาพแวดล้อมรอบตัวที่เป็นถนนปูหินแคบๆ อาคารเก่าแก่หลายยุคสมัยที่สร้างแทรกตัวกันอยู่ ตอกย้ำด้วยของที่ระลึกต่างๆ ที่ล้วนอ้างอิงถึงยุคอัศวิน ดังนั้นสำหรับสายเกม ฉันเชื่อว่าต้องรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในเกมแน่นอน

ในส่วนเขตเมืองใหม่ มีตึกสวยๆ จากยุคอาร์ตนูโว มีร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารมากมาย ทุกเช้าที่ปลาซคาร์โนต์ (Place Carnot) กลางฝั่งเมืองใหม่ มีตลาดขายผลิตภัณฑ์การเกษตรและอาหาร ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ ช่วงกลางวันถึงค่ำ ที่ปลาซนั้นจะเป็นที่ตั้งโต๊ะอาหารของร้านอาหารซึ่งอยู่โดยรอบ และมีน้ำพุรูปเทพเนปจูนตรงกลางลานเป็นจุดนัดพบสำคัญ

คาร์คาซอนน์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 ทุกวันนี้การท่องเที่ยวและการผลิตไวน์ถือเป็นรายได้หลักของเมือง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไปเที่ยวคาร์คาซอนน์แบบเช้าไปเย็นกลับ โดยเดินทางมาจากตูลูส ซึ่งอยู่ห่างไปเพียง 80 กิโลเมตร

แต่ถ้าใครรักบรรยากาศแบบยุคกลาง ยุคอัศวิน หรือชอบเรื่องราวแบบเทพนิยาย ควรมาค้างที่นี่สักคืน เพราะช่วงเย็นเวลาที่นักท่องเที่ยวกลับไปหมดแล้ว เมืองทั้งเมืองแทบจะเป็นของเรา ถ้าอยากพักสบายๆ ก็มีโรงแรมหรู 5 ดาวอยู่บริเวณปราสาท มีโรงแรมราคาปานกลางอยู่โดยรอบแนวด้านนอกกำแพงเมือง และมีที่พักอีกหลายรูปแบบในเขตเมืองใหม่ซึ่งอยู่ไม่ไกล เพียงเดินข้ามสะพานเหนือแม่น้ำโอด (Aude) ไปเท่านั้นเอง

และเมื่อพักค้างคืนที่โรงแรมกลางเมืองเก่า บรรยากาศยามค่ำคืนที่ประดับไฟแสงสีเหลืองสาดส่อง หรือเวลานั่งกินอาหารเช้าใกล้กำแพงปราสาท ก็พาให้จินตนาการของเราย้อนไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด

   

คาร์คาซอนน์ เป็นเมืองป้อมปราการจากยุคกลางที่ยังคงหลงเหลืออยู่อย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งอยู่ในแคว้นอ็อกซิตานี (Occitanie) ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศสเปน และอีกด้านหนึ่งติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ว่ากันว่ามีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานที่คาร์คาซอนน์ตั้งแต่ยุคหินใหม่ (Neolithic) ด้วยชัยภูมิที่เหมาะสม คือมีเนินสูง ตั้งอยู่ติดแม่น้ำโอด (Aude) และอยู่ไม่ไกลจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเท่าไหร่นัก

บรรยากาศในเขตเมืองเก่าของคาร์คาซอนน์ ที่เป็นถนนแคบๆ ปูด้วยหิน มีอาคารเก่าแก่หลายยุคสมัยล้อมรอบ และมีร้านขายของที่ระลึกมากมายที่ล้วนอ้างอิงถึงยุคอัศวิน ชวนให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคกลางของยุโรปได้ไม่ยากเลย

   

บรรยากาศในเขตเมืองเก่าของคาร์คาซอนน์

ร้านขายของที่ระลึกมากมายในเขตเมืองเก่าของคาร์คาซอนน์

ร้านอาหารในคาร์คาซอนน์  เมืองมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก

สูตรของคาซูเลต์บนถนนในคาร์คาซอนน์

นิทานคาร์คาซอนน์

มีเรื่องเล่าว่า คาร์คาซอนน์เดิมชื่อ “คาร์คาส” (Carcas) ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8 ปกครองโดยชาวซาราเซ็น และถูกทัพของพระเจ้าชาร์เลอมาญ (ชาวแฟรงก์) มาล้อมอยู่ถึง 5 ปี คาร์คาสตอนนั้นไม่มีเจ้าผู้ครองเมือง มีเพียงเลดี้คาร์คาส ภรรยาเจ้าเมือง ดูแลเมืองอยู่ พอเข้าปีที่ 6 เสบียงอาหารใกล้หมด เลดี้คาร์คาสจึงบอกให้ชาวเมืองนำอาหารที่เหลือมารวมกัน เมื่อเลดี้เห็นว่าชาวบ้านมีหมูตัวหนึ่ง และมีข้าวสาลีจำนวนหนึ่ง จึงเกิดความคิดให้หมูกินข้าวสาลีจนเต็มท้อง ตอนแรกชาวเมืองพากันโวยวายเสียดายอาหาร แต่เลดี้บอกให้ทุกคนสงบไว้ก่อน แล้วให้คนเอาหมูท้องป่องไปโยนลงมาจากหอคอยที่สูงที่สุดออกไปนอกกำแพงเมือง หมูตกถึงพื้น ท้องแตกกระจายเห็นข้าวสาลีข้างใน กองทัพที่ล้อมอยู่ (ซึ่งก็คงเริ่มอดอยากไม่แพ้กัน) เห็นดังนั้นเลยถอดใจ คิดว่าในเมืองยังมีอาหารมากมาย ล้อมไปก็ไม่มีวันชนะได้ จึงเลิกล้อมเมืองและถอยทัพไปในที่สุด

เมื่อเห็นศัตรูถอยทัพ เลดี้คาร์คาสจึงสั่งให้สั่นระฆังฉลองชัยชนะดังก้องไปทั่ว ด้วยเหตุนี้จึงเรียกเมืองนี้ว่า “คาร์คาซอนน์” (Carcas - sonne) หรือเสียงระฆังจากคาร์คาสตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เรื่องราวของเลดี้คาร์คาสได้รับการบันทึกครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 12 และมีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างจริงจังในคริสต์ศตวรรษที่ 16  ปัจจุบันมีรูปสลักเลดี้คาร์คาสตั้งอยู่หน้าประตูทางเข้าเมืองคาร์คาซอนน์ด้วย

   

คาร์คาซอนน์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 ทุกวันนี้การท่องเที่ยวและการผลิตไวน์ถือเป็นรายได้หลักของเมือง ในเขตเมืองใหม่ของคาร์คาซอนน์เต็มไปด้วยตึกสวยจากยุคอาร์ตนูโว ร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารมากมาย

ทุกเช้าที่ปลาซคาร์โนต์ (Place Carnot) กลางเขตเมืองใหม่ จะเปิดตลาดขายผลิตภัณฑ์การเกษตรและอาหาร ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ ช่วงกลางวันถึงค่ำ ที่ปลาซแห่งนี้จะเป็นที่ตั้งโต๊ะอาหารของร้านอาหารซึ่งอยู่โดยรอบ โดยมีน้ำพุรูปเทพเนปจูนตรงกลางลานเป็นจุดนัดพบสำคัญ

   

สำหรับคนรักบรรยากาศแบบยุคกลาง ยุคอัศวิน หรือชอบเรื่องราวแบบเทพนิยาย แนะนำให้ค้างที่คาร์คาซอนน์สักคืน บริเวณปราสาทมีโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวให้บริการ ขณะที่รอบๆ กำแพงเมืองด้านนอกมีโรงแรมราคาปานกลางให้เลือกมากมาย และเมื่อพักค้างคืนในเขตเมืองเก่า บรรยากาศยามค่ำที่ประดับไฟแสงสีเหลืองสาดส่อง หรือเวลานั่งกินอาหารเช้าใกล้กำแพงปราสาท ก็พาให้เราจินตนาการตามฝันย้อนไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด

เรื่อง : นิศารัตน์  ภาพ : Tourisme Carcassonne และ Hôtel de la Cité Carcassonne – Mgallery