Choose the Right Cruise Line

Travel Story
2 พ.ค. 67
1,354
0

การท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการท่องเที่ยวที่อยากให้ได้ลองกันดูสักครั้ง (ถ้าคุณไม่มีปัญหาเรื่องเมาเรือแบบสุดๆ ไปเลย) ด้วยความที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะ อีกทั้งเส้นทางเดินเรือก็มีให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมทั่วโลก ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้ใช้ชีวิตท่องไปตามเส้นทางน้ำไปเรื่อยๆ เมื่อเรือล่องไปถึงท่าเรือแวะพัก ก็สามารถลงไปเที่ยวได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเก็บสัมภาระเพื่อย้ายที่พักไปมา จึงทำให้ไม่เหนื่อยล้าเกินไปนัก อีกทั้งบนเรือยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงครบครัน ทั้งโรงละคร กาสิโน ห้องอาหาร สปา ร้านทำผม ห้องเล่นเกม ห้องออกกำลังกาย สวนน้ำ สระว่ายน้ำ สนามกีฬาขนาดเล็ก และสนามเด็กเล่น เป็นต้น

การจะไปเที่ยวด้วยเรือสำราญ สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือ เส้นทางเดินเรือและจุดหมายปลายทาง รวมถึงคาแร็กเตอร์ของบริษัทเรือผู้ให้บริการด้วย ซึ่งแต่ละเจ้าก็จะมีลักษณะเฉพาะตัวเช่นกัน บ้างสบายๆ ดูรีแล็กซ์ บ้างหรูหราขั้นสุด บ้างสนุกสนานเฮฮา บ้างก็เป็นเรือสำหรับครอบครัว โดยเลือกสังเกตง่ายๆ จากภาพโฆษณาและคำบอกเล่าในรีวิวต่างๆ เลือกที่เข้ากับความชอบของเรา ถ้าไม่อยากรู้สึกเหมือนไปอยู่ผิดที่ผิดทาง จนกลายเป็นทริปในฝัน...ร้าย ในที่สุด

สำหรับใครที่ยังลังเลว่าแล้วควรจะเลือกเรือแบบไหน นอกจากเส้นทางที่อยากไปแล้ว จะลองพิจารณาตามแนวทางที่นำมาบอกกันไว้นี้ ก็น่าจะพอช่วยตัดสินใจได้บ้าง

ครอบครัวที่มีเด็กเล็ก มีผู้ใหญ่สูงวัย อาจเลี่ยงเรือที่มีพิธีรีตอง มีระเบียบการแต่งกาย (Dress Code) และพิจารณาเรือที่มีเครื่องเล่นและกิจกรรมบันเทิงเป็นหลัก

ผู้ใหญ่ที่ชอบความหรูหรา บริการชั้นเลิศ ควรเลี่ยงเรือมหาสนุก และเรือครอบครัว

คนที่ชอบเรื่องกินเรื่องเที่ยวในบรรยากาศสบายๆ น่าจะพิจารณาเรือที่มีห้องอาหารหลายห้องให้ลอง มีบาร์ให้รีแล็กซ์ และมีโชว์ให้ชมหลากหลาย

และใครที่อยากท่องเที่ยวแนวความรู้ ก็มีบริษัทเรือที่ออกแนววิชาการ มีสัมมนาเรื่องที่เกี่ยวกับจุดหมายปลายทางให้ได้ร่วมฟังทุกวันก่อนออกไปเห็นของจริง

การล่องเรือสำราญนั้นอาจมีเหตุไม่คาดฝันได้เสมอ โดยเฉพาะเมื่อมีสภาพอากาศและท้องทะเลเป็นตัวแปรหลัก เช่น เรืออาจไม่เข้าเมืองท่าในฝันที่ตั้งใจอยากไปให้ถึง หรือวันล่องทะเล (Sea Day) คลื่นลมอาจแรงจนเมาเรือ ได้แต่นอนซมในห้อง ฯลฯ

แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อได้เลือกไว้แล้ว ก็ปล่อยใจ “เอนจอย” ไปกับทริปในฝันกันเถอะ

     

เส้นทางการเดินเรือสำราญหลักๆ ที่มีให้บริการ ได้แก่

เมดิเตอร์เรเนียน : แบ่งเป็นตะวันตก (สเปน ฝรั่งเศส อิตาลี ฯลฯ) หรือตะวันออก (กรีซ โครเอเชีย ตุรเคีย ฯลฯ) เส้นทางนี้มีเรือให้บริการเกือบทั้งปี

สแกนดิเนเวีย : รวมประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ทะเลบอลติก ไปจนถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย ให้บริการช่วงฤดูร้อน

อาร์กติก : เรือล่องริมฝั่งฟยอร์ดนอร์เวย์ ขั้วโลกเหนือ และกรีนแลนด์ ดูมิดไนต์ซันและสัตว์ขั้วโลก ให้บริการเฉพาะฤดูร้อน

แคริบเบียน : เที่ยวได้ทั้งแคริบเบียนตะวันตก (จาเมกา คอสตาริกา เม็กซิโก ปานามา ฯลฯ) และแคริบเบียนตะวันออก (เบอร์มิวดา โดมินิกัน บาร์เบโดส ฯลฯ) ส่วนใหญ่เรือออกจากรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ให้บริการทั้งปี

อะแลสกา : ล่องเรือชมธารน้ำแข็งและสัตว์ต่างๆ ในธรรมชาติ แวะเมืองเก่าตั้งแต่ยุคตื่นทอง และเมืองที่รุ่งเรืองตั้งแต่สมัยยังเป็นของรัสเซีย ให้บริการเฉพาะเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน

ฟาร์อีสต์ : เส้นทางสิงคโปร์ เวียดนาม ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ ส่วนใหญ่ล่องเรือในช่วงฤดูหนาว

เรือสำรวจสถานที่พิเศษ : หมู่เกาะกาลาปาโกส และขั้วโลกใต้หรือแอนตาร์กติกา ซึ่งต้องเดินทางด้วยเรือเท่านั้น

Mediterranean

 

ฝั่งตะวันตก

 

ฝั่งตะวันออก

เส้นทางเมดิเตอร์เรเนียน แบ่งเป็นฝั่งตะวันตก แวะเมืองท่าที่สเปน ฝรั่งเศส อิตาลี ฯลฯ และฝั่งตะวันออก แวะเมืองท่าที่กรีซ โครเอเชีย ตุรเคีย ฯลฯ

เมื่อเลือกได้แล้วว่าจะไปเส้นทางไหน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงต่อไปคือ ในแต่ละท่าที่เรือจอด เราอยากไปเที่ยวที่ไหนบ้าง และเรือจอดแวะนานพอให้เราได้ไปเที่ยวตามสถานที่ที่อยากไปหรือเปล่า

เรือแต่ละลำมีตารางเวลาจอดแวะต่างกัน และทางเรือมีทัวร์ (Excursions) มากมายให้เลือกจองและซื้อทุกท่าที่เรือจอดแวะ อาจมีราคาสูง แต่ได้รับความสะดวกสบาย เพราะทางเรือเป็นผู้จัดการให้ทุกเรื่อง รวมทั้งการันตีว่าเรือจะรอเรา หากเกิดเหตุสุดวิสัยกับกรุ๊ปทัวร์ (รถติด รถเสีย ฯลฯ) จนกลับมาช้ากว่าเวลาที่กำหนด ซึ่งหากผู้โดยสารออกไปเที่ยวเองหรือซื้อทัวร์ท้องถิ่นก็ทำได้ แต่ต้องกลับมาให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นเรือจะออกไปโดยไม่รอ และเป็นความรับผิดชอบของผู้โดยสารเองที่จะตามไปขึ้นเรือที่ท่าถัดไปให้ได้

 

Scandinavia and Russia

เส้นทางสแกนดิเนเวีย เรือแวะจอดตามประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ทะเลบอลติก ไปจนถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย เปิดให้บริการเฉพาะช่วงฤดูร้อน

 

Caribbean

เส้นทางแคริบเบียน สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งแคริบเบียนตะวันตก (จาเมกา คอสตาริกา เม็กซิโก ปานามา ฯลฯ) และแคริบเบียนตะวันออก (เบอร์มิวดา โดมินิกัน บาร์เบโดส ฯลฯ) โดยส่วนใหญ่เรือออกจากรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา นอกจากแวะเที่ยวตามท่าต่างๆ แล้ว บริษัทเรือหลายแห่งยังจอดแวะที่เกาะส่วนตัว เพื่อให้ผู้โดยสารเล่นกีฬาทางน้ำหรือพักผ่อนบนชายหาดด้วย

 

Alaska

เส้นทางอะแลสกา อาจจำเป็นต้องยอมจ่ายแพงซื้อแพ็กเกจห้องพักแบบมีระเบียง เพื่อชมวิวภูเขาน้ำแข็งอันงดงาม เพราะคนจะแห่กันไปยืนจับจองที่ฟรีตามระเบียงดาดฟ้าเรือ ซึ่งถ้าแย่งไม่ทัน ก็อาจอดชมวิวได้ เส้นทางนี้เปิดให้บริการเฉพาะเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน

 

Galapagos

เส้นทางหมู่เกาะกาลาปาโกส พาไปสัมผัสธรรมชาติและสรรพสัตว์นานาชนิดบนหมู่เกาะกาลาปาโกส หนึ่งในสถานที่ Unseen ที่จะไปเห็นได้ก็ต่อเมื่อท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ

 

Antarctica

เส้นทางแอนตาร์กติกาหรือขั้วโลกใต้ แม้จะต้องเผชิญกับคลื่นลมและทะเลปั่นป่วนของ Drake Passage แต่เมื่อพ้นช่วงนั้นไปแล้ว จะได้เจอกับแผ่นน้ำที่สงบนิ่งและราบเรียบราวกระจก และโคโลนี่ของเพนกวินพันธุ์ต่างๆ 7 สายพันธุ์ ที่มีตั้งแต่ตัวน้อยไม่ถึงเข่า ไปจนถึงเพนกวินจักรพรรดิที่สูงถึงเมตรกว่า

การไปชมเพนกวินนั้น เมื่อเรือใหญ่ไปทอดสมอที่หน้าอ่าวซึ่งมีโคโลนี่เรียบร้อย ก็จะต้องลงเรือยางไปขึ้นบกอีกทอดหนึ่ง แต่ละโคโลนี่จะมีเพนกวินต่างสายพันธุ์กัน ไม่ปะปน แต่อาจได้เจอแมวน้ำอยู่ด้วยตามชายหาด โดยเฉพาะลูกแมวน้ำที่โดนแม่ของมันทิ้งไว้เพื่อออกไปหากินในทะเล

เขตขั้วโลกใต้มีวาฬหลายชนิดที่อาจปรากฏตัวขึ้นมาให้ชมเช่นกัน ซึ่งเรือที่พาไปชมจะบอกไว้ว่า ไม่ “การันตี” ว่าจะเห็น แต่โอกาสได้เห็นมีถึง 99%

 

Rooms

ห้องพักบนเรือสำราญมีให้เลือกหลายรูปแบบ ประเภทห้องพักที่แตกต่างกันทำให้ราคาแพ็กเกจหรือราคาตั๋วไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่แล้วห้องพักบนเรือแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ ดังนี้

  1. ห้องพักแบบไม่มีหน้าต่าง มีห้องน้ำในตัว เตียงนอนสามารถเลือกเป็นแบบเตียงคู่ หรือแยกเป็นเตียงเดี่ยว 2 เตียงก็ได้ จุดเด่นคือ ราคาถูกที่สุด โดยเฉพาะห้องไม่มีหน้าต่างที่อยู่กลางลำเรือ แต่ก็อยู่ได้สบาย ไม่อึดอัด เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ยิ่งถ้าล่องเรือในเส้นทางที่จอดแวะทุกวัน หรือไปทำกิจกรรมมากมายบนเรือ กลับมาห้องเฉพาะเวลาอาบน้ำ แต่งตัว และนอนด้วยแล้ว วิวก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีเรือใหม่ๆ บางเจ้าที่ทำหน้าต่างสมมุติ ฉายภาพจากข้างนอกเรือให้เปิดชมบนผนังแบบเรียลไทม์
  2. ห้องพักแบบมีหน้าต่าง แต่ขนาดหน้าต่างค่อนข้างเล็กและเปิดไม่ได้ จุดเด่นคือ มองเห็นวิวภายนอกได้บ้าง คุณสมบัติอื่นเหมือนกับห้องไม่มีหน้าต่าง แต่ราคาสูงกว่า
  3. ห้องพักแบบมีระเบียงให้เปิดออกไปนั่งรับลมได้ จุดเด่นคือ ตัวห้องมีขนาดใหญ่กว่า สามารถมองเห็นวิวได้กว้างขวางมากกว่าห้องแบบมีหน้าต่าง และแน่นอนว่าราคาแพงกว่าด้วย
  4. ห้องสวีตขนาดใหญ่ มีระเบียง และมีห้องนอนเป็นสัดส่วน จุดเด่นคือ ขนาดกว้างใหญ่ที่สุด แต่ราคาก็แพงที่สุดด้วยเช่นกัน

 

Dining

ห้องอาหารบนเรือสำราญมี 2 แบบ คือ

  1. ห้องอาหารบุฟเฟต์ที่ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก เพราะคิดราคารวมอยู่ในแพ็กเกจแล้ว แต่อย่าคิดว่าคุณภาพอาหารจะแย่ ห้องดินเนอร์อาหารคุณภาพดีมาก ส่วนห้องบุฟเฟต์ตอนเช้าหรือกลางวันก็เป็นสไตล์บุฟเฟต์โรงแรม คุณภาพโดยรวมถือว่าดี มีน้ำเปล่า ชา กาแฟ และน้ำหวานบางอย่างให้ด้วย แต่ถ้าอยากดื่มไวน์หรือน้ำอัดลม ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
  2. ห้องอาหารพิเศษที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มและอาจต้องจองคิวก่อนล่วงหน้า มีทั้งแบบบุฟเฟต์และไฟน์ไดนิง รวมถึงผับบาร์ต่างๆ ที่มีนักดนตรีแสดงสด กับบาร์ที่ขายเครื่องดื่มต่างๆ เช่น ซอฟต์ดริงก์ กาแฟ ชา สุรา ไวน์ ฯลฯ

ปกติแล้วบนเรือสำราญจะมีห้องอาหารหลายห้อง ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือ บางลำมีห้องอาหารหลากหลายสัญชาติหลากหลายสไตล์

Entertainment Zone

โรงละครบนเรือสวยงามตระการตา

ความบันเทิงบนเรือที่มีให้ชมทุกค่ำคืน

 

Public Area

สนุกสนานวนๆ ไปกับกิจกรรมที่มีให้เลือกมากมายบนเรือ ทั้งสระว่ายน้ำ อ่างจากุชชี สปา ร้านทำผม ร้านขายของต่างๆ ห้องเล่นเกม ห้องออกกำลังกาย สนามกีฬาขนาดเล็ก สวนน้ำ และสนามเด็กเล่น เป็นต้น

เรื่องและภาพ : นิศารัตน์