ฉีดวัคซีนแล้ว… เที่ยวตุรกีกันดีกว่า สายกลุ่ม หรือเที่ยวคนเดียว ไม่เปลี่ยวใจแน่นอน

Travel Story
27 เม.ย. 67
3,915
1

                    เที่ยวตุรกี อีกหนึ่งประเทศที่หลายคนใฝ่ฝันอยากลองไปเที่ยวให้ได้สักครั้ง ไม่ว่าจะไปกับเพื่อน หรือไปเที่ยวคนเดียว ก็ไม่เหงาไม่เปลี่ยวใจแน่นอน ก่อนที่เราจะไปลั้นลาเที่ยวตุรกี เรามาทำความรู้จักกับเขากันสักหน่อย หลายคนอาจจะเข้าใจว่าอยู่ทวีปยุโรป แต่จริง ๆ แล้วตุรกีตั้งอยู่ทวีปเอเชีย เนื่องจากภูมิประเทศอยู่ระหว่างสองทวีปทั้งในเอเชียและยุโรป จึงทำให้มีอารยธรรมที่มีกลิ่นอายผสมกันอย่างกลมกลืน 

                  ตุรกีเที่ยวได้ทุกฤดูกาล แต่ถ้าให้ดีไปช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง เพราะอากาศเย็นกำลังดีไม่หนาวจนเกินไป เอาละ ไปดูกันเลยว่าจะมีสถานที่ไหนบ้างทัชใจนักท่องเที่ยวถ้าคุณชอบชมความสวยงาม ประวัติศาสตร์ที่มีมายาวนาน น่าจะชอบไม่น้อยกับสถานที่ที่บ่งบอกถึงความเป็นชาติตุรกี

 

           

 

1.พระราชวังโดลมาบาเช่ (Dolmabahce Palace)

            ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลมาร์มะรา ช่องแคบบอสฟอรัส ในเขตเบซิคตัส เมืองอิสตันบูล ที่เที่ยวสุดฮิตที่ต้องมาเช็กอินกัน เริ่มก่อสร้างในสมัยศตวรรษที่ 17 โดย "โดลมาบาเช่" ใช้เวลาสร้างถึง 30 ปี ไฮไลต์ของที่แห่งนี้ คือเน้นการตกแต่งอย่างสวยสดงดงาม ด้วยการออกแบบดั้งเดิมของตุรกี ไม่ว่าจะเป็นในด้านการใช้งาน และสถาปัตยกรรม ศิลปะจากประเทศตะวันตกแนว Baroque, Rococo, Neo-Classic รวมถึงการออกแบบภายในที่สร้างด้วยหินอ่อน หรือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ เครื่องโคมไฟ เครื่องประดับภายในอาคารออกแบบภายอย่างสวยงาม ทั้งหมดคือการผสมผสานการออกแบบที่ลงตัวระหว่างออตโตมันและศิลปะตะวันตก ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

             พระราชวังโดลมาบาเช่ ยังประกอบไปด้วยกลุ่มอาคารที่ใช้สำหรับทำกิจกรรม หรือสำหรับอำนวยความสะดวกแตกต่างกันไป เช่น โรงงานเครื่องแก้ว โรงหลอม คอกม้า และสถานที่สำหรับการใช้งานเฉพาะด้านต่างๆ ทำให้คุณเดินชมเพลินทั้งวันแบบไม่มีเบื่อเลย

 

 

2.ช่องแคบบอสฟอรัส (Bosporus Strait)

                  ช่องแคบสำคัญของโลกเลยก็ว่าได้ เชื่อมระหว่างทะเลมาร์มะร่าและทะเลดำ ด้วยวิวของน้ำทะเลที่เป็นฉากหลัง และมีสะพานแขวนบอสฟอรัสที่ทอดยาวถึง 1,560 เมตร วิ่งเชื่อมข้ามระหว่างทวีปเอเชีย และยุโรปที่สวยงาม ยิ่งมาช่วงตอนเย็น ทำให้สัมผัสถึงความอบอุ่นและความโรแมนติก เป็นอีกหนึ่งมุมยอดฮิตที่เหล่านักท่องเที่ยวต้องถ่ายภาพเก็บไว้ จะมากับเพื่อนก็ถ่ายรูปสนุก หรือจะมาคนเดียวก็จัดกันให้เต็มที่ไปเลย

 

 

3.สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque)

                จัดว่าเป็นจุดแลนด์มาร์กสำคัญของอิสตันบูล หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องสีน้ำเงิน มา ๆ จะเล่าให้ฟังกัน ที่เรียกว่าสุเหร่าสีน้ำเงินนี้ มาจากกระเบื้องภายในที่ตกแต่งด้วยสีน้ำเงินฟ้าจากอิซนิค ประดับไปด้วยลวดลายดอกไม้ต่าง ๆ แค่มองแล้วให้ความรู้สึกถึงความมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามยิ่งใหญ่อลังการ และทรอดแทรกประวัติศาสตร์อันล้ำค่าไว้ ระหว่างอาณาจักรโรมัน และอาณาจักรออตโตมันเข้าด้วยกัน 

 

 

4.วิหารเซนต์โซเฟีย (Hagia Sophia)

          ถ้าหากคุณได้ไปเยือนสุเหร่าสีน้ำเงินแล้ว ไม่ไกลกันมากนักก็จะเห็นวิหารเซนต์โซเฟียที่ตั้งตระหง่าน ด้วย สถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การออกแบบแนวไบแซนไทน์จากยุคโรมัน วิหารเซนต์โซเฟีย ไม่เพียงเป็นโบสถ์คริสต์ธรรมดาเท่านั้น มีความเป็นมายาวนานพันปี และประวัติศาสตร์ที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน ท่ามกลางความขัดแย้ง

          ภายนอกที่คุณจะได้เห็นอาจจะไม่ได้สะดุดตามากนัก แต่ถ้าเมื่อได้เข้าไปด้านใน ความรู้สึกที่เห็นต้องร้องว่านี่คือสุดยอดของการออกแบบ และความสวยงามอย่างแท้จริง จะเห็นการตกแต่งด้วยหินอ่อนที่ลวดลายสละสลวย สลับกับหินแกรนิตสีเขียวลายดำ ปิดผิวพื้นด้วยโมเสกทองคำเคลือบแก้ว เมื่อเวลาโดนแสงอาทิตย์ จะสะท้อนวิบวับ เมื่อมองขึ้นไปยังโดมคุณจะเห็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดความรู้ ทั้งทางสถาปัตยกรรม และเรื่องราวของศาสนาของคริสต์และอิสลามเข้าไว้ด้วยกัน

 

 

5.อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน (Yerebatan Sarnici)

                อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน อยู่ใกล้กับวิหารเซนต์โซเฟีย สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.532 ในสมัยของจักรพรรดิจัสติเนียน เพื่อเป็นที่กักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในพระราชวัง และในยามมีศึกสงคราม      

                ภายในมีทางเดินทำไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมท่ามกลางบรรยากาศสลัว เหมือนคุณกำลังผจญภัย ด้านในนี้มีต้นเสาที่เป็นไฮไลต์ คือ เสาที่สลักเป็นรูปดวงตาปีศาจ เสาที่มีหัวของเมดูซากลับหัว  และเสาหัวเมดูซาตะแคงขวา ถ้าพูดถึงการออกแบบ ทำให้รู้สึกว่านี่ไม่เหมือนแหล่งเก็บน้ำทั่วไป แต่มันคือศิลปะมากกว่านะ คุณอาจจะสงสัยว่าสร้างได้อย่างไรนะ เชื่อเถอะคุณจะเดินเพลิน และสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของยุคนั้นจริง ๆ

 

ชมเรื่องราวประวัติศาสตร์กันไปหลายที่แล้ว เราไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวดีต่อใจ ชมธรรมชาติกันสักหน่อย

6.ปามุคคาเล่ (Pamukkale)

          สายธรรมชาติห้ามพลาดเลย เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่สำคัญของตุรกี ปามุคคาเล่เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำ ซึ่งมีแร่หินปูนผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมากไหลลงมาจากภูเขาคาลดากึ และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นชั้น ๆ ลดหลั่นกันไป แนะนำให้มาเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ผลิ  เพราะน้ำจะขึ้นล้นแอ่ง ถ่ายรูปสวยงามแน่นอน  ปามุคคาเล่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอีกด้วย เพราะฉะนั้นใครที่อยากเข้าชม ต้องฟิตร่างกายสักหน่อย เพราะรถไม่สามารถเข้าไปได้ ต้องเดินเข้าไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร

 

 

7.คัปปาโดเกีย (Cappadocia)

            ในเดือนพฤษภาคม ช่วงฤดูใบไม้ผลิ อากาศหนาวเย็นกำลังดี คัปปาโดเกีย เป็นพื้นที่เกิดจากระเบิดของภูเขาเออซิเยส และภูเขาไฟฮาซาน ด้วยเวลาที่ผ่านยาวนานหลานล้านปี เถ้าถ่าน และลาวาจำนวนมากมายทับถมกันเป็นแผ่นชั้นหิน ทำให้มีรูปร่างที่แปลกตามากมาย และยังเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หลาย ๆ คนเรียกว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” และยูเนสโกได้ประกาศให้ที่แห่งนี้ เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี

            อีกสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องลองสักครั้ง คือการล่องบอลลูนที่คัปปาโดเกีย แต่ต้องวางแผนเรื่องเวลากันก่อน เพราะว่าการทัวร์ล่องบอลลูนจะใช้ระยะเวลาอยู่เหนือท้องฟ้า 1 ชั่วโมง คือระหว่างเวลา 6.00 – 7.00 น. แอบเช้าสักนิด แต่ไหน ๆ แล้วมาทั้งทีก็ต้องจัดกันสักรอบ แต่รับรองจะติดใจ และคุณจะมองเห็นเพื่อน ๆ ที่ล่องบอลลูนขนาดใหญ่นับร้อยทั่วท้องฟ้าไปด้วยกัน เมื่อบอลลูนแตะพื้นแล้ว อย่าลืมรับประกาศนียบัตรไว้ด้วยนะ ถือว่าครั้งหนึ่งในชีวิตได้สร้างประสบการณ์ที่แสนวิเศษ แต่ถ้าใครที่ขี้เกียจตื่นเช้า ก็มองบอลลูนเล่น ๆ จากทางด้านล่างไปก่อนละกัน 

          ตุรกีเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวไม่ว่าจะไปเป็นกลุ่มกับเพื่อน ๆ หรือจะท้าทายมาเที่ยวคนเดียว ก็สนุกได้ไม่แพ้กัน และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ได้ทั้งเรียนรู้ประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่แสนวิเศษ ที่สำคัญอีกอย่างราคาไม่แรง เหมือนอยู่ไทยเลย ลองมาสักครั้ง แล้วคุณจะหลงรักตุรกี

 

          ขออัปเดตสักนิดสำหรับนักท่องเที่ยวมีแพลนเที่ยวตุรกี สามารถเข้าประเทศได้หากได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว พร้อมใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เต็มรูปแบบ พอได้อ่านแบบนี้แล้วยิ้มเลยล่ะซิ…แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน อย่าลืมว่าต้องระมัดระวัง และใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา จะได้เที่ยวอย่างปลอดภัย และสนุกให้เต็มที่