The Rhythms of Life in Brazil

Travel Story
28 เม.ย. 67
825
0

เมื่อพูดถึงบราซิล ผู้คนมักนึกถึงฟุตบอล จังหวะสนุกสนานของดนตรีแซมบ้า และเทศกาลคาร์นิวัลช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผู้คนจากทั่วโลกออกมาเดินพาเหรดและเต้นรำกันบนถนนใจกลางเมืองรีโอเดจาเนโรนานนับสัปดาห์
 
หากในความเป็นจริงแล้ว บราซิลมีอะไรมากไปกว่านั้น

การเดินทางข้ามทวีปอันยาวนานถึง 25 ชั่วโมงของเราสิ้นสุดลงที่ Antonio Carlos Jobim International Airport เมืองรีโอเดจาเนโร สนามบินที่ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เด็กหนุ่มชาวรีโอคนหนึ่ง ผู้มอบบทเพลงบอสซาโนวาให้กับโลกใบนี้เมื่อเกือบ 70 ปีก่อน ทุกวันนี้บทเพลงของเขาอย่าง Garota De Ipanema หรือ Corcovado ยังคงบรรเลงอยู่ในใจคนทั่วโลก
 
จากยอดเขา Sugarloaf เราจะมองเห็นยอดเขา Corcovado ทอดตัวยาวอยู่ด้านหลัง มีประติมากรรม Cristo Redentor หรือ Christ the Redeemer ยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขา ด้านหน้ามีแนวตึกสูงระฟ้าของเมืองรีโอ ที่ผู้คนเกือบ 7 ล้านคนเบียดเสียดกันอยู่ในพื้นที่ราบแคบๆ ริมชายฝั่งทะเล
 
รีโอ เป็นเมืองที่สวยงาม แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเมืองที่เกิดเหตุอาชญากรรมบ่อยมาก ระหว่างที่ผมเดินถ่ายภาพอยู่แถวหาด Ipanema มีชาวบราซิลเดินเข้ามาเตือนผมว่า ให้ระวังกล้องที่ผมถืออยู่ ในขณะที่ชายอีกคนหันซ้ายหันขวาแล้วเดินข้ามถนนมาส่งผมที่หน้าโรงแรมแล้วบอกผมว่า ที่นี่อันตรายนะ อย่าเดินไปไหนมาไหนคนเดียว นอกจากคุณจะเสียทรัพย์สินไปแล้ว คุณอาจโดนทำร้ายร่างกายโดยที่ไม่มีใครคิดจะช่วยคุณเลยก็ได้
 
ดังนั้นใครที่อยากมาเที่ยวบราซิล ผมแนะนำให้เตรียมตัวเผื่อไว้ด้วยเรื่องความปลอดภัย ไม่ควรเก็บเงินสดจำนวนมากไว้กับตัว ควรแต่งกายง่ายๆ ไม่ประดับของมีค่าให้ดูล่อตาล่อใจ เก็บโทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายรูปทันทีที่ใช้เสร็จ ไม่ไปเดินเที่ยวในช่วงก่อนเข้างานและหลังเลิกงานที่มีคนน้อยและห้างปิด ไม่ไปในย่านชุมชนแออัดด้วยตัวเอง โอกาสเกิดอันตรายก็จะน้อยลง 
 
แม้ชาวบราซิลจะชอบเล่นและหลงใหลในกีฬาฟุตบอล แต่การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกและกีฬาโอลิมปิกที่ผ่านมา ไม่ใช่สิ่งที่ชาวบราซิลเห็นด้วยสักเท่าไร หลายคนคิดว่า รัฐบาลควรนำเงินลงทุนจัดงานไปพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนบราซิลเองจะดีกว่า แตกต่างจากแฟนบอลทั่วโลกที่เฝ้ารอช่วงเวลานี้อย่างใจจดใจจ่อ
 
ขณะเดินเข้าสนามอารีนา เดอ เซาเปาโล ผมเห็นผู้คนมากมายสวมเสื้อยืดสีเหลืองอันเป็นเครื่องแบบของนักฟุตบอลทีมชาติบราซิลที่มีเลข 10 และมีชื่อ Neymar อยู่บนแผ่นหลัง ผมไม่ใช่แฟนบอลที่ติดตามทีมไหนเป็นพิเศษ แต่บรรยากาศของการชมฟุตบอลโลกในสนามสักครั้ง เป็นช่วงเวลาที่ผมเฝ้ารอมาสัมผัส มากกว่าเกมการแข่งขันเสียอีก ทุกวันนี้ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า เกมเปิดสนามระหว่างทีมชาติบราซิลและโครเอเชียครั้งนั้นจบลงด้วยสกอร์เท่าไร หากภาพใบหน้าผู้คนที่สุขสมหวัง เสียงโห่ร้องที่กระหึ่มไปทั้งสนาม ยังคงอยู่ในความทรงจำของผม แม้เวลาจะผ่านมานับสิบปีแล้วก็ตาม
 
ที่ริมหาดเมืองโฟร์ตาเลซา ผมเห็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเล่นฟุตบอลอยู่ในสนามเล็กๆ บราซิลมีฟุตบอลแทรกตัวอยู่แทบทุกที่ ทั้งตามซอกหลืบ ที่รกร้างว่างเปล่า สวนสาธารณะ ริมชายหาด ฟุตบอลคือความสุขเล็กๆ ที่ผู้คนได้แสดงออกถึงมิตรภาพ ความสนุกสนาน และความฝัน
 
บนชายหาด ผมเห็นเรือประมงลำเล็กแล่นออกไปหาปลาโดยใช้แรงลมจากใบเรือ สวนกับเรือสินค้าขนาดใหญ่ นักท่องเที่ยวเดินแบกกระดานโต้คลื่นสวนมากับเด็กชาวบ้านที่ช่วยกันทอดแหหาปลามาแบ่งกัน หนุ่มสาวยืนคลอเคลียขณะที่ชาวประมงวัยชรากำลังซ่อมเรือของเขา สีสันของบราซิล แท้จริงแล้วอาจไม่ใช่แค่จังหวะดนตรีสนุกสนานในงานรื่นเริงของเทศกาลคาร์นิวัลที่ผู้คนแต่งตัวสวยงามราวกับความฝันเพียงเท่านั้น
 
แต่ความหลายหลากของการใช้ชีวิต ซึ่งเราพบเห็นได้ตลอดเวลาในบราซิลนั้นต่างหาก คือเสน่ห์และสีสันที่แท้จริงสำหรับนักเดินทาง

เมืองรีโอเดจาเนโรเมื่อมองจากยอดเขา Sugarloaf จะเห็นยอดเขา Corcovado ที่มีประติมากรรม Cristo Redentor หรือ Christ the Redeemer ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหลัง ขณะที่ด้านหน้านั้นเต็มไปด้วยกลุ่มตึกระฟ้าที่เบียดเสียดกันอยู่ในพื้นที่ราบเล็กๆ จากเนินเขามาจรดชายทะเล

ยอดเขา Sugarloaf ตั้งอยู่ใกล้ Guanabara Bay อ่าวซึ่งชาวยุโรปคนแรกได้ล่องเรือผ่านเข้ามาในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1502 อันเป็นที่มาของชื่อ Rio de Janeiro หรือ January River ในปัจจุบัน

การเดินทางไปบราซิลนั้นสามารถเลือกได้หลายเส้นทาง ทั้งบินไปลงที่เมืองรีโอเดจาเนโร หรือเลือกบินเข้าเมืองเซาเปาโล โดยต้องเปลี่ยนเครื่องอย่างน้อย 1 ครั้ง เส้นทางการบินที่สั้นที่สุด คือสายการบินเอมิเรตส์ ซึ่งออกจากกรุงเทพฯ แวะพักที่ดูไบ และบินตรงเข้ารีโอเดจาเนโร หรือเซาเปาโล ใช้เวลาเดินทางราว 25 ชั่วโมง สำหรับนักท่องเที่ยวที่ถือพาสปอร์ตไทยไม่ต้องขอวีซ่า สามารถพำนักได้ 90 วัน บราซิลใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาหลัก คนบราซิลส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้

Auriverde หรือธงชาติของบราซิล ประกอบไปด้วยดาว 27 ดวงที่หมายถึงรัฐทั้ง 27 รัฐของบราซิล มีตัวหนังสือเขียนว่า Ordem e Progresso หรือความเป็นระเบียบและก้าวหน้า

Carioca Aqueduct หรือ Arcos da Lapa เป็นทางลำเลียงน้ำจืด สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1718 เพื่อส่งน้ำจากแม่น้ำ Carioca ที่อยู่ไกลออกไป มาหล่อเลี้ยงผู้คนในเมืองรีโอเดจาเนโร เพราะว่าแหล่งน้ำในบริเวณรอบๆ เมืองนั้นเป็นหนองน้ำที่เป็นพรุน้ำกร่อย

Escadaria Selarón หรือ Lapa Steps เกิดขึ้นโดยศิลปิน Jorge Selarón ที่บูรณะบันไดหน้าบ้านตนเองด้วยกระเบื้องโมเสก ในปี ค.ศ. 1990 จากนั้นผู้คนในเมืองก็ช่วยกันหากระเบื้องจากที่ต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งจากประเทศไทย มาแต่งเติมให้เป็นบันไดที่งดงามไปด้วยความหลากหลาย

บรรยากาศริมหาด Ipanema ที่เป็นต้นกำเนิดของเพลง Garota de Ipanema หรือ The Girl from Ipanema ของ Antonio Carlos Jobim ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลกในช่วงปลายยุค 1950s

Cristo Redentor หรือ Christ the Redeemer เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1922 แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1931 มีความสูง 38 เมตร ตั้งอยู่เหนือยอดเขา Corcovado ในเมืองรีโอเดจาเนโร เป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นที่สุดเมื่อเรานึกถึงประเทศบราซิล

ท่วงท่าลีลาการเต้นรำในจังหวะแซมบ้า และเทศกาลรื่นเริงในงานคาร์นิวัล คือสิ่งที่ผู้คนมักจะคิดถึงเมื่อพูดถึงบราซิล นอกเหนือไปจากฟุตบอล

บราซิลเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก และมีประชากรมากเป็นอันดับ 6 ของโลก ที่ผ่านมามีความพยายามแก้ปัญหาเรื่องความแออัดของประชากรอยู่หลายครั้ง และการสร้างเมืองบราซิเลียขึ้นมาใหม่จากพื้นที่รกร้างว่างเปล่าใจกลางประเทศ นับเป็นความพยายามที่ท้าทายและใช้งบประมาณไปมากที่สุด บราซิลย้ายเมืองหลวงจากรีโอเดจาเนโรมาเป็นบราซิเลียในปี ค.ศ. 1956 สมัยประธานาธิบดี Juscelino Kubitschek

Lucio Costa และ Oscar Niemeyer เนรมิตเมืองหลวงใหม่แห่งนี้ให้เป็นมหานครที่ดูราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ โดยใช้เวลาก่อสร้างเพียง 3 ปีครึ่ง ผังเมืองของกรุงบราซิเลียเป็นรูปเครื่องบินหรือปีกผีเสื้อ และมีการจัดวางผังเมืองไว้ตั้งแต่แรกสร้าง ถนนทั้งหมดที่เชื่อมในตัวเมืองไม่มีแยกไฟแดง รถจะวิ่งวนอ้อมไปอ้อมมาโดยไม่มีทางแยกตัดกัน ที่ทำการของหน่วยงานราชการต่างๆ แบ่งเป็นสัดส่วนและมีเลขหมายกำกับทุกตึก กรุงบราซิเลียจึงเป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์งานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่รวบรวมผลงานชิ้นสำคัญของ Lucio Costa และ Oscar Niemeyer มาไว้ในที่เดียวกัน

Torre de TV de Brasília หอส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ ออกแบบโดย Lucio Costa สถาปนิกผู้ออกแบบกรุงบราซิเลีย เปิดใช้งานเมื่อ ค.ศ. 1967

ตึก Museu Nacional da República หรือ National Museum of the Republic ในกรุงบราซิเลียที่ดูราวกับหลุดมาจากอวกาศ เป็นหนึ่งในงานสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงของ Oscar Niemeyer

บรรยากาศในพิธีเปิดฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพ ท่ามกลางเสียงประท้วงของผู้คนในประเทศที่แม้จะรักกีฬาฟุตบอลและเชียร์ทีมชาติบราซิล แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้เงินจำนวนมากมายมหาศาลไปกับการเป็นเจ้าภาพจัดงาน

Estadio Municipal Paulo Machado de Carvalho สนามฟุตบอลที่เคยใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี ค.ศ. 1950 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ ปัจจุบันบริเวณด้านล่างของสนามฟุตบอลแห่งนี้เป็น Museum of Football ที่บ่งบอกถึงประวัติศาสตร์และความยิ่งใหญ่ของฟุตบอลและบราซิล

ภายใน Museu do Futebol หรือ Museum of Football ที่อยู่ใต้อัฒจันทร์สนามฟุตบอล Estadio Municipal Paulo Machado de Carvalho ในบางห้องนิทรรศการมีการฉายภาพการแข่งขันฟุตบอล และเราจะได้ยินเสียงเหมือนกับมีผู้ชมนับหมื่นโห่ร้องอยู่ด้านบนของอัฒจันทร์แห่งนี้

หลากหลายอารมณ์ของกองเชียร์บราซิลระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014

แม้จะเป็นประเทศที่มีเรื่องราวสนุกสนานและสีสันมากมาย บราซิลก็เหมือนกับหลายๆ ประเทศทั่วโลกที่ในเมืองใหญ่ยังคงต้องระแวดระวังเรื่องอาชญากรรม ดังนั้นในช่วงเทศกาลฟุตบอลโลก เราจะเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจอดรถดูแลนักท่องเที่ยวในบริเวณที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ

ฟุตบอลเป็นเกมกีฬาที่อยู่ในจิตวิญญาณของคนบราซิล ถ้าหากมีที่ว่างตรงไหน ไม่ว่าจะเป็นริมถนน ริมชายหาด หรือที่รกร้างว่างเปล่าข้างซอกตึก ก็ล้วนเป็นสนามฟุตบอลได้หมด

เรือประมงใช้ใบแบบดั้งเดิมของบราซิลที่ริมชายหาดเมืองโฟร์ตาเลซา

ริมชายหาดเมืองโฟร์ตาเลซา สถานที่ซึ่งมีเรื่องราวหลายหลากของชีวิตที่แตกต่างกันมากมาย โดยมีฉากหลังเป็นตึกระฟ้าริมชายทะเล

 

เรื่องและภาพ : นัท สุมนเตมีย์