ดีจนต้องบอกต่อ…ท่องยุโรปแดนใต้เที่ยวโปรตุเกส ประเทศที่ไม่ควรมองข้าม
ยุโรปแดนใต้ ดินแดนเสน่ห์แห่งท้องทะเล อาหารอร่อย บรรยากาศเลิศ…หลายคนคงอาจจะมองข้ามประเทศโปรตุเกสไป เพราะจะนึกถึงเมืองขนมไข่ และนักบอลสุดหล่อ…แต่ประเทศนี้มีดีกว่าที่คิดนะ ด้วยบรรยากาศริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเป็นประเทศที่เคยรุ่งเรืองในยุคเก่าก่อน ทำให้เต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมอันสวยงาม
ด้วยภูมิประเทศและภูมิอากาศที่รื่นรมย์ จึงเหมาะแก่การมาท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ช่วงที่นิยม คือช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม เป็นช่วงที่คึกคักที่สุดของปี เพราะสภาพอากาศเย็น ๆ สบาย ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป คนไทยชอบแน่นอน
- ลิสบอน (Lisbon)
ลิสบอน เมืองหลวงโปรตุเกส ตั้งอยู่ริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของคาบสมุทรไอบีเรีย เป็นเมืองหลวงที่เรียกได้ว่ามีอากาศอบอุ่นที่สุดในยุโรป ด้วยความที่เมืองถูกสร้างขึ้นบนเนินเขา และมีทำเลอยู่ที่ริมแม่น้ำทากัส (Tagus) ความโรแมนติกจึงเกิดขึ้น เมื่อเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน แล้วยืนมองวิวเมืองไปรอบ ๆ จะทำให้คุณสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น และรื่นรมย์อย่างมาก
ที่เที่ยวที่เป็นไฮไลต์ในลิสบอนยังมีอีกนะ แต่ที่ต้องมาเยือนเก็บภาพไว้ดู ต้องที่หอคอยบีเล็ม (Belem Tower) ซึ่งเป็นสไตล์มานูลิโน่ (Manuelino style) แบบโปรตุเกส และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในอดีตเคยเป็นป้อมปราการเพื่อป้องกันเมือง และเป็นเมืองท่าด่านศุลกากร ถ้าหากคุณชอบความอลังการ และสวยงาม ที่นี่คุณจะประทับใจไม่น้อย
อีกแห่งที่ต้องมาเยือนคืออารามเจโรนิโมส์ ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ที่สวยงาม สิ่งแรกที่จะเห็นคือน้ำพุที่พุ่งกระจายอย่างสวยงาม และระเบียงทางเดินไปยังโบสถ์ซานตามาเรีย ที่ตกแต่งด้วยเสาแกะสลักลวดลายสัตว์ทะเล ที่แห่งนี้จึงเปรียบเสมือนร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของโปรตุเกสว่าเคยเจริญรุ่งเรือง และมั่งคั่งมาก่อน
- ซินตรา (Sintra)
เมืองซินตรา เมืองแห่งความมีชีวิตชีวา ด้วยลักษณะการก่อสร้างบ้านเรือนที่ยังคงแบบดั้งเดิม ทำให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นมรดกโลก ปัจจุบันยังได้กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญที่ต้องมาเยือน ถ้าไม่มาเมืองนี้เหมือนมาไม่ถึงโปรตุเกสนั่นเอง และที่เที่ยวสำคัญ ๆ ของเมืองนี้ก็มีมากมาย ถ้าใครชอบท่องโลกแห่งประวัติศาสตร์ และเสพงานศิลปะคุณจะต้องหลงใหลอย่างไม่มีข้อยกเว้นเลย เช่น ปราสาท Quinta da Regaleira พระราชวัง Palace of Queluz
- มาเดรา (Madeira)
เดินทางมาอีกหนึ่งแห่ง หลายคนเรียกกันว่าเกาะสีม่วง ดูคล้ายเป็นไข่มุกน้ำงามกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ตามประวัติศาสตร์นั้นเกาะนี้ค้นพบในช่วงสำรวจโลกโดยเฮนรี่ นักเดินทางชาวโปรตุเกส เกาะแห่งนี้เป็นไปด้วยสีสันของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ภูเขา ต้นไม้สีเขียว ที่ล้อมรอบไปด้วยมหาสมุทร นอกจากความสวยงามทางสายตาแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมกิจกรรมทางน้ำมัน ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวสายลุยอีกด้วย จะเลือกพายเรือแคนู เล่นวินด์เซิร์ฟ ว่ายน้ำ ล่องเรือรอบเกาะดูปลาโลมา ถ้าหากคุณเหนื่อย อยากพัก ที่เกาะแห่งนี้มีแหล่งช้อปปิ้ง รวมไปถึงร้านกาแฟ และร้านอาหารแสนอร่อยอีกเพียบ ที่นี่จึงเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเลยล่ะ
- ลากอส (Lagos)
ลากอสอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวหลักของโปรตุเกส เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความสวยงามทางวัฒนธรรม และการผสมผสานแบบเก่า และแบบใหม่อย่างลงตัว ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหน ก็สวยจนต้องเปลี่ยนเป็นรูปโปรไฟล์กันเลยทีเดียว ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ที่ใคร ๆ เดินทางมาก็ต้องหลงใหล เพราะชายหาดที่สวยสุด ๆ อยู่รอบ ๆ เมือง เหมาะแก่การเล่นน้ำ อาบแดด พักผ่อนอย่างแท้จริง หรือกิจกรรมทางน้ำสนุก ๆ อย่างการดำน้ำก็มีบริการให้นักท่องเที่ยวเช่นกัน อีกอย่างที่เป็นเสน์ให้น่าหลงใหล คือความสนุกสนานยามค่ำคืน เพราะร้านรวงอาหาร เปิดรอคอยต้อนรับบริการอย่างเนืองแน่น
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดของการมาเยือนที่แห่งนี้ คือช่วงฤดูร้อน คุณจะได้สัมผัส และพบปะผู้คนที่แสนน่ารัก เป็นกันเอง ที่มาแล้วครั้งหนึ่ง ก็ต้องอยากกลับมาเยือนอีกสักครั้ง
- ซาเกรส (Sagres)
จากลากอส เดินทางมาไม่ไกลนัก ก็จะถึงเมืองซาเกรสไฮไลต์อยู่ที่หน้าผาที่ยื่นออกไปนอกทะเล และเป็นที่นิยมสำหรับเก็บภาพของนักท่องเที่ยว และเหมาะที่จะสูดกลิ่นอายน้ำทะเล และลมเย็น ๆ ฟังเสียงคลื่นกระทบโขดหิน ทำให้ดูสวยงาม แต่แอบแฝงความดุดันไว้ในคราวเดียวกัน
นอกจากหน้าผาสุดอลังการแล้ว ยังมีชายหาดที่ขาวสะอาด เหมาะสำหรับพักผ่อน และเป็นแหล่งยอดฮิตของเหล่านักเซิร์ฟมือเก๋าให้มาประลองความท้าทายกันด้วย หรือจะชิลมากกว่านั้น ก็นั่งตกปลาเพลิน ๆ ได้เช่นกัน แต่ถ้าจะให้สุขกว่านั้น ลองหาเครื่องดื่มเย็น ๆ มานั่งจิบ รอปลามาติดเบ็ดก็ไม่เบื่ออีกต่อไป
- อาวีโร (Aveiro)
อีกหนึ่งเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม จนได้รับการยกย่องว่าเป็นเวนิสแห่งโปรตุเกส เพราะเมืองแห่งนี้ ล้อมไปด้วยคลองลัดเลาะไปยังรอบเมือง ให้นักท่องเที่ยวได้ชมความสวยงามโดยการล่องเรือ Moliceiros ใช้เวลาชมรอบ ๆโดยประมาณ 45 นาที ด้วยลักษณะของเรือนั้นชวนให้สนุกด้วยสีสันที่สดใส ดูเข้ากับเมืองเป็นที่สุด
บ้านเรือนของอาวีโรนั้นตกแต่งเป็นสไตล์สีสัน อาร์ต นูโว ผสมผสานกับอาคารเก่า ๆ สไตล์เรเนอซองส์ ที่สดใสจี๊ดจ๊าด ทำให้ถ่ายภาพได้อย่างเมามัน สด เฟี๊ยสทุกรูปอย่างแน่นอน นอกจากย่านในเมืองแล้ว ที่แห่งนี้ยังมีชายหาดที่ขาวสะอาด เดินเล่นสัมผัสผิวน้ำทะเลที่ซัดเข้าฝั่งทำให้เพลินได้ไม่น้อย ถ้ามอง ๆ ไปแล้ว สีบ้านเรือน ตัดกับสีขอบฟ้าท้องทะเลมันสวยงามอย่างบอกไม่ถูกเลย มันดีจนอยากให้มาลองเห็นเองสักครั้ง
ขอแถมให้อีกสักนิด หากคุณอยากจะมาเที่ยวโปรตุเกสนั้น สามารถมาได้ทุกเดือนเลย อยู่ที่ว่าคุณจะชอบแบบไหน
เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์
อย่าเพิ่งตกใจไปว่า เดือนนี้คือฤดูกาลที่หนาวเหน็บของยุโรป แต่ถ้าเป็นโปรตุเกส เรียกได้ว่ายังอบอุ่นกว่าหลาย ๆ ประเทศในยุโรป
เดือนมีนาคม-พฤษภาคม
ฝนตกบ้าง อากาศเริ่มอบอุ่น อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10-24 องศาเซลเซียส
เดือนมิถุนายน – สิงหาคม
เป็นช่วงยอดฮิตของนักท่องเที่ยว สภาพอากาศสบาย ๆ ประมาณ 22 – 26 องศาเซลเซียส
เดือนกันยายน – ตุลาคม
ช่วงฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะเริ่มเย็น ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี ให้ความรู้สึกโรแมนติก
เตรียมตัวให้พร้อม เก็บเงินไว้วันละนิด วันละหน่อย ก็ได้เที่ยวแล้ว แต่อย่าลืม…เหมือนเดิมโควิด19 ยังไม่จบ อย่าลืมพกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือบ่อย ๆ สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ไม่ว่าจะขึ้นเครื่องเดินทางไปประเทศไหน ก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อตัวเองและส่วนรวมนะ เที่ยวให้สนุกนะทุกคนนนน