เวลาน้อยไม่ใช่ปัญหา เที่ยวไต้หวัน 3 วัน 2 คืน ช่วงโควิด ฟินได้ เก็บครบทุกแลนด์มาร์ก
เที่ยวไต้หวัน เป็นอีกจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวไทยต้องไปเยือนสักครั้ง เพราะอยู่ไม่ไกลจากไทย ค่าใช้จ่ายไม่แพง และเที่ยวง่าย ไม่ซับซ้อน แถมยังมีแหล่งเที่ยวมากมายให้เราตามเก็บอีกเพียบ เราคัดสถานที่เด็ดๆ ที่เป็นแลนด์มาร์กมาให้ได้ลองเลือกกัน ลุยเลย ไปเที่ยวไต้หวัน 3 วัน 2 คืน ช่วงโควิดก็ฟินได้ เป็นการเที่ยวต่างประเทศที่เซฟๆ และค่อนข้างปลอดภัยจากโควิดเลยทีเดียว
DAY 1 ไหว้พระ ชมวิวสวยที่สุดของไต้หวัน
เดินทางมาถึงเมืองหลวงไทเป ก็สะดวกง่ายแสนง่าย เพราะเรื่องการขนส่งของไต้หวัน เขาครบทุกเส้นสายจริง ๆ สถานที่แรกที่แนะนำไปเลย คือ
วัดหลงซาน (Lungshan Temple) วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง เป็นที่นิยมและโด่งดังมาก ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ไว้หลายองค์ ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล ทั้งเรื่องงาน การเงิน สุขภาพ แต่อีกสิ่งที่ขอกันมากสำหรับคนโสด ๆ อย่างเรา คือเรื่องความรัก… แม่นจริง แม่นจัง ได้ดั่งใจด้วย ไม่เชื่อก็ลองมาขอกำลังใจกันได้กับเทพเฒ่าจันทรา พร้อมผูกด้ายแดง นอกจากนั้นสามารถเช่าเครื่องรางกลับไปบูชาติดตัว หรือจะฝากคนสนิทครอบครัวได้ด้วย
ไหว้พระเป็นสิริมงคลแล้ว แลนด์มาร์กต่อไป ถ้าไม่มาเดี๋ยวไม่มีรูปอัปลงไอจี ชมวิวรอบเมืองแบบพาโนรามาที่ ตึกไทเป 101 เป็นตึกที่สูงที่สุดในไต้หวัน มีความสูงมากถึง 508 เมตร ด้านบนจะมีจุดชมวิวในร่มที่ชั้น 89 และสามารถขึ้นบันไดต่อไปที่ลานชมวิวกลางแจ้งที่ชั้น 91 ภายในตึกนั้นยังครบครัน ส่วนที่เป็นห้างสรรพสินค้า ร้านแบรนด์เนมให้ช้อปปิ้งกันสนุกสุด ๆ ไม่พอเท่านั้น ถ้าเหนื่อยจากการเดินเที่ยวแล้ว ร้านอาหารก็ยังมีอีกเพียบ เช่น เช่น Diamond Tony’s 101 ร้านอาหารอิตาเลียนที่สามารถมองเห็นวิวไทเปด้านนอกได้ด้วย หรือจะเป็นซินเย่ (Shin Yeh) ที่มีเมนูอาหารจีนให้เลือกทานมากมาย
มาต่อกันอีกที่ ถ้ายังไม่เหนื่อย ก็มาต่อกันที่ตลาดกลางคืน ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนชื่นชอบเป็นพิเศษ เดินไป กินไป ถ่ายรูปสนุกสนาน ที่ตลาดกลางคืนเหราเหอ (Raohe Night Market) ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนเหราเหอ ที่เป็นตรอกเล็ก ๆ ยาวประมาณ 600 เมตร แน่นไปด้วยร้านรวง อาหาร ขนมจัดเต็ม ของฝาก จุกจิก ดุ๊กดิ๊ก ตลอดสองข้างทาง แต่ร้านเด็ด ๆ ที่ต้องมาลองกัน คือซาลาเปาอบโอ่งที่ได้รางวัล Bib Gourmand (บิบ กูร์มองด์) จาก Michelin เดินเข้ามาปุ๊บเจอเลย แต่จะรอนานหน่อย เพราะคนเยอะมาก แต่มาถึงแล้วก็ต้องจัดแล้ว อีกร้าน คือบัวลอยในน้ำเชื่อมเกสรดอกลำไย กินของคาวมาแล้วก็ต้องเป็นของหวานเย็น ๆ ปิดท้าย หรือถ้าใครยังกินได้อีก ก็มีอีกเพียบให้เลือก เช่น หมูหมักซอสอบเตาถ่าน ซี่โครงหมูตุ๋นยาจีน ไส้กรอกไต้หวัน ฯลฯ กินกันมัน ถ่ายรูปกันเพลิน เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ขอแค่มากินก็ฟินแล้ว
DAY 2 ชมบ้าน ชมธรรมชาติที่ไต้หวัน
ชาร์จพลังกันเต็มอิ่ม เรามาตะลุยวันที่ 2 เที่ยวไต้หวันกันต่อ กับแลนด์มาร์กต้องตามรอย สายอาร์ต สายธรรมชาติด้วยความที่เวลาน้อย การเที่ยวผ่านกระเช้าลอยฟ้าน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย ที่จะได้เห็นพาโนรามารอบเมือง
กระเช้าไฟฟ้าเมาคง (Maokong Gondola) เป็นกระเช้าสำหรับนั่งขึ้นเขาเมาคง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองไทเป โดยจะมีอยู่ทั้งหมด 4 สถานีด้วยกัน คือ
- สถานีแรกอยู่ข้างสวนสัตว์ไทเป Taipei Zoo Station
- สถานีที่สอง จะอยู่ที่ประตูทางออกด้านหลังของสวนสัตว์ไทเปทางทิศใต้ Taipei Zoo South Station
- สถานีที่สามจะอยู่ใกล้กับ วัดซื่อหนาน Zhinan Temple Station
- สถานีสุดท้าย สถานีเมาคง Maokong Station
ความน่าตื่นตาตื่นใจ อยู่ตรงวิวทิวทัศน์ระหว่างการนั่งกระเช้า ซึ่งนักท่องเที่ยวได้มองเห็นเมืองไทเปในมุมกว้างขวาง ล้อมรอบไปด้วยหุบเขา เป็นพื้นที่บนภูเขาเคยมีการปลูกไร่ใหญ่สุดในไต้หวัน ถ้าชอบความสงบ อากาศเย็นสบายกำลังดีไม่หนาวจนเกินไป คนไทยแบบเราชอบแน่นอน นอกจากนั้น ถ้าคุณหิวยังมีร้านอาหาร หรือจะนั่งจิบชาร้อน ๆ พร้อมชมเมืองไปพร้อมกันได้ด้วย ฟินสวรรค์บนดินชัด ๆ
มาเสพงานศิลปะ และงานชิค ๆ กันต่อที่ ตึก THE RED HOUSE ตึกแดงก่อนจะกลายมาเป็นศูนย์ศิลปะนั้น เคยเป็นตลาดนัดของไทเปมาก่อน ด้วยอาคารที่เป็นเอกลักษณ์มองมาแต่ไกลก็รู้เลย ด้วยอิฐสีแดงเก่าแก่ เป็นอาคารรูปทรง 8 เหลี่ยม คล้ายโกดังเก็บของในยุคศตวรรษที่ 18-19 เมื่อคุณมาเยือนจะได้พบกับศูนย์วัฒนธรรมที่มีโรงละคร ร้านค้าที่ขายสินค้าเกี่ยวกับงานออกแบบกับงานศิลปะ และแกลอรี่สำหรับจัดแสดงผลงาน และช่วงเทสกาลอีเว้นต์ จะมีกิจกรรมแสดงที่ Riverside Red House Theater Performance Hall ด้วย
ด้านหลังตึกยังมีโซนสำหรับขายของจากศิลปิน และดีไซเนอร์ แนว Creative Boutique Shop ให้มาเปิดพื้นที่ขายของหรือโปรโมทผลงานตัวเอง ถ้าคุณเดินเล่นจนลืมเวลาช่วงเย็น ๆ ให้แวะมาที่ส่วนตลาดนัดศิลปะสุดสัปดาห์ จัดขึ้นที่จัตุรัส North Square ซึ่งมีร้านค้าถิ่นท้องและคาเฟ่สวย ๆ เก๋ ๆ ให้คุณได้แวะพัก หรือทานขนมเพิ่มพลังด้วย แต่ว่า The red house จะหยุดทุกวันจันทร์ ส่วนด้านนอกตึกมีแค่เฉพาะวันเสาร์ และวันอาทิตย์เท่านั้น ลองวางแพลนดี ๆ นะ
อยากมีอารมณ์โรแมนติก ได้ภาพยามเย็น พระอาทิตย์ตกดิน ให้มาที่เขาเซี่ยวชาน ลักษณะเป็นภูเขาลูกเล็ก ๆ ที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแถบชานเมืองไทเป ยังคงเต็มไปด้วยความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และเส้นทางที่สร้างไว้นั้นเดินไม่ยาก สะดวก โดยมีบันไดตลอดเส้นทาง แต่ต้องฟิตกันหน่อยถึงแม้ระยะทางไม่ยาวมากนัก แต่ขึ้นบันไดแทบจะตลอดทาง
เขาเซี่ยวชานถือได้ว่าเป็นจุดชมเมืองสวยที่สุดในไทเปเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างภาพสมัครเล่น Vlog หรือช่างภาพมืออาชีพ ก็ต้องมามุมนี้ชักภาพไว้ดู ขอแถมอีกหน่อยบริเวณเขาช้าง ยังมีเส้นทางปีนเขาไปที่ภูเขาอีก 3 ลูก ซึ่งประกอบด้วย ภูเขาช้าง ภูเขาเสือ ภูเขาสิงโต และภูเขาเสือดาว ซึ่งจะใช้เวลาทั้งหมดในการปีนเขาทั้ง 4 ลูกนี้ประมาณ 2-4 ชั่วโมง ถ้าใครอยากท้าทายก็ให้ลองมาได้นะ ได้ทั้งความฟิต ได้ทั้งความสวยงามทางทัศนียภาพรอบ ๆ ด้วย
วันที่ 3 เวลาเหลือ แวะก่อนกลับ
ใกล้จะได้เวลากลับบ้านกันแล้ว แต่ยังพอมีเวลาเหลือบ้างนิดหน่อย ให้ลองแวะมาที่นี่เลย หมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ่น (Jiufen) เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนเขาในเขตเมืองจีหลง อยู่ไม่ไกลจากเมืองไทเป โดดเด่นไปด้วยสถาปัตยกรรม การออกแบบอาคารที่ยังคงดั้งเดิมเป็นแบบจีนโบราณ ตามร้านค้าประดับไปด้วยโคมจีนสีแดง บันไดทางเดินที่อาจจะเล็กไม้กว้างมาก แต่ก็เป็นสีสันให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบจิ่วเฟิ่น
ใครสายตะลุยกินคงถูกใจไม่น้อย กับร้านอาหารชื่อดังและอร่อย ในแบบฉบับสตรีทฟู้ดจนคนทั่วโลกต้องมาลิ้มลอง อย่างบัวลอยเต้าฮวย หรือไอศกรีมถั่วตัด เป็นไอติมโบราณของไต้หวัน ที่มีลักษณะและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โรยด้วยน้ำตาล ผงถั่วลิสง ปิดหน้าท้อปปิ้งผักชีเล็กน้อย ห่อด้วยแป้งโรตีแผ่น ถึงจะดูแปลกไปหน่อย แต่อร่อยจริงนะเออ
อีกร้านขอแนะนำ คือขนมโมจิสูตรดั้งเดิม มีความคล้ายกับญี่ปุ่น เป็นขนมยอดฮิตที่ใครมาก็ต้องชิมให้ได้สักครั้ง และนิยมซื้อไปเป็นของฝากด้วย ไส้ให้เลือกมากมายหลากหลายรสชาติ เช่น ช็อกโกแลต สตรอว์เบอร์รี
คนไหนสายถ่ายรูป ทำ vlog คงกรี๊ดกร๊าดมาก เพราะแต่ละมุม สวยงาม ถ่ายภาพชิค ๆ เฟี้ยว ๆ เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ได้แน่นอน และที่สำคัญของกินเยอะมาก กินจนไม่กลัวอ้วน
แถมอีกสักที่เอาใจขาช้อปปิ้ง และอยากซื้อของติดไม้ติดมือกลับไทย ที่ย่านซีเหมินติง (Ximending) สายช้อปเพลินมาก ของเยอะเบอร์แรง ไม่ว่าจะเครื่องสำอาง กระเป๋า รองเท้า แบรนด์เนม หรือไม่แบรนด์ ก็หาซื้อกันให้กระเป๋าสตางค์แบนกันไปเลยจ้ะ และจะลืมได้ไงมาถึงถิ่นตัวพ่อ ตัวแม่ แห่งชานมไข่มุกทั้งที อย่าลืมซื้อกันสักแก้วสองแก้วกับร้าน 50 Lan, Specialized Tea Club, Chachago Milk Tea หรือจะร้านอื่น ๆ อีกมากมาย จัดได้ตามใจชอบเลย
เพื่อน ๆ ที่จะไปเที่ยวไต้หวัน ลองปรับแพลนดู สลับวันได้ตามใจชอบเลย เพราะที่ไต้หวันเที่ยวง่าย ไม่ยาก และราคาเป็นมิตรกระเป๋าสตางค์อย่างเราด้วย การมาเที่ยวไต้หวันช่วงนี้อาจจะยังไปไม่ได้สำหรับนักท่องเที่ยว เพราะเขายังไม่ให้เดินทางไปเที่ยว แต่เชื่อว่าเร็วๆ นี้คงได้ไปเที่ยวไต้หวันแน่ๆ ตอนนี้ก็วางแพลนรอไว้ก่อนเลย