8 ที่เที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อไป เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์
สวิตเซอร์แลนด์ อีกหนึ่งประเทศเป็นจุดหมายปลายทางหลักๆ ของนักเดินทางทั่วโลก อยากไปเที่ยวให้ได้สักครั้ง เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะขึ้นเขาไปเล่นสกีบอร์ด ไปดูน้ำตกสวยๆ หรือนั่งรถไฟชมภาพประทับใจที่วิ่งรัดเลาะไปตามภูเขา พร้อมมองทุ่งหญ้าเขียวขจีผ่านหน้าต่าง เรียกได้ว่ามาประเทศเดียวเที่ยวครบทุกอารมณ์
1. Lauterbrunnen (เลาเทอร์บรุนเนิน)
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐเบริ์น มีน้ำตกเยอะถึง 72 แห่ง และยังมีน้ำตกที่สูงที่สุดในยุโรปด้วยนั้นคือน้ำตก Staubbach ที่น้ำตกพุ่งดิ่งถาโถมลงมาจากหน้าผาหินเกือบ 300 เมตร และเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดของการอนุรักษ์ธรรมชาติในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เอกลักษณ์ของเมืองคือเป็นเมืองที่ค่อนข้างสงบเนื่องจากตั้งอยู่กลางหุบเขา อยู่ลึกเข้ามาจากเมืองอินเทอร์ลาเคินราว 12 กิโลเมตร และเมืองนี้เป็นเมืองทางผ่านไปยังสถานที่มีชื่อเสียงต่างๆ ในแถบเทือกเขาแอลป์ อีกวัตถุประสงค์ที่ทำให้ต้องมาที่นี่ก็เพื่อมานั่งรถไฟ ขึ้นพิชิตยอดเขาจุงเฟรา “Jungfraujoch” ระหว่างนั่งรถไฟมองวิวทิวทัศน์ข้างทางรับรองสวยจนคุณต้องตกหลุมรัก ส่งผลทำให้สภาพเศรษฐกิจของที่นี่ขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวเป็นหลัก นอกจากนี้ ในละแวกใกล้เคียงมีหมู่บ้านที่จะทำให้คุณประหลาดใจอย่างแน่นอนนั้นก็คือ หมู่บ้านเวงเงิน (Wengen) เป็นหมู่บ้านปลอดรถยนต์จึงทำให้ที่นี่ค่นข้างเงียบเป็นพิเศษ อากาศดี ได้ยินแต่เสียงกระดิ่งดังจากปลอกคอของสัตว์ และเสียงรถไฟที่วิ่งผ่านไปมาเท่านั้น
2. ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfraujoch)
ได้ชื่อว่าเป็น Top of Europe ภูเขาแห่งนี้มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 4,158 เมตร อุณหภูมิด้านบน – 7 ถึง 9 องศาเซลเซียส ดังนั้น ควรจะสวมเสื้อผ้าที่ทนต่อสภาพที่ทนต่อสภาพอากาศหนาวได้ดีมา การเดินทางมาที่นี่สามารถเลือกทางขึ้นได้ 2 ทาง จาก Grindelwald หรือ Lauterbrunnen ไม่ว่าจะขึ้นทางไหนก็ได้ชมวิวสวยๆ อย่างแน่นอน จุดเด่นของยอดเขาจุงเฟราคือ ชุมชนหมู่บ้านเก่าแก่ Grindelwald ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา และ Jungfraujoch Railway Station สถานีรถไฟใต้ดินที่สูงที่สุดในยุโรป ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเชยชมความงดงามของวิวธรรมชาติ พร้อมสัมผัสกับหิมะสีขาวโพลนบนพื้นที่ภูเขาได้อย่างเต็มเปี่ยม และหากอยากจะทำกิจกรรมที่นี่ก็มีให้นักท่องเที่ยวเลือกทำหลายอย่าง ให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ชื่นชมทิวทัศน์ในรูปแบบต่างๆ ผ่านรูปแบบกิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบกัน เช่น Jungfrau Ski Region ลานสกีซึ่งเป็นที่นิยมมากครอบคุมภูเขาถึง 3 ลูก Snow Fun Park ลานเล่นหิมะ Jungfrau Panorama เป็นห้องฉายภาพยนตร์แบบPanoramaเกี่ยวกับJunfrau Eispalast (Ice Palace) อุโมงค์น้ำแข็งAlphine Sensation มีร้านอาหาร ร้านกาแฟแบบ self-service ฯลฯ
3. ลูเซิร์น (Lucerne)
เป็นเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเมืองหนึ่งในโลก เพราะมีความสวยงามคงความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองไว้ได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้กลิ่นอายของตัวอาคารสมัยก่อน โดยสถานที่ที่ได้รับความนิยมและเป็นสัญลักษณ์ของเมือง หากมาเมืองนี้ต้องไปอย่างแน่นอน คือ สะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก Kapellbrucke (Chapel Bridge and Water Tower) มีอายุมากกว่า 600 กว่าปี ตัวสะพานจะทอดผ่านแม่น้ำ Reuss (รอยส์) น้ำสะอาดใสมาก ซึ่งระหว่างเดินข้าม ซึ่งบนสะพานก็มีงานศิลปะภาพวาดความเป็นมาของเมืองอยู่ให้ชมระหว่างเดินข้าม รอบแม่น้ำรอยส์นี้มีทัศนียภาพและมุมถ่ายภาพ มีร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ให้ได้นั่งชมวิวชิลๆ กัน ถัดมาประติมากรรมหินแกะสลัก Dying Lion of Lucerne Monument เป็นรูปปั้นที่เห็นแล้วให้อารมณ์เศร้าที่สุด เพราะแกะสลักเพื่อไว้อาลัยแก่ทหารของสวิตฯ ที่เสียสละเพื่อประเทศ เบื้องล่างของรูปปั้นแกะสลักเป็นแอ่งน้ำใส่สะอาดและรอบๆ บริเวณมีที่ให้นั่กพักผ่อนหย่อนใจกัน อีกสถานที่หนึ่งที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองนี้ Church of St.Leodegar (Hofkirche) โบสถ์แห่งนี้เป็นเพียงไม่กี่แห่งที่ถูกสร้างขึ้นทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ในระหว่างช่วงสงครามสามสิบปี (Thirty Years War) และเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุด และมากมายด้วยศิลปะประวัติศาสตร์อันยาวนานของยุคฟื้นฟูของเยอรมันตอนปลาย ซึ่งโบสถ์นี้จะสามารถเห็นได้แต่ไกล โบสถ์โฮฟตั้งอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นที่สุดมองเห็นได้จากทางทิศตะวันออกจากแม่น้ำ Reuss และสะพาน Kappel หรือจากท่าเรือสำราญของทะเลสาบลูเซิร์นและส่วนโค้งของสถานีรถไฟ
4. ฟรีบูร์ก (Fribourg)
เมืองฟรีบูร์ก เป็นเมืองเก่าอายุกว่าพันปีสร้างขึ้นตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 12 มีแม่น้ำล้อมรอบถึง 3 ด้าน ในยุคนั้นจึงเป็นชัยภูมิที่เหมาะสมในเรื่องการศึกสงคราม อยู่ระหว่างทางไปเมืองโลซาน อยู่ไม่ไกลจากกรุงเบิร์น (Bern) ซึ่งเป็นเมืองหลวง โดยใช้เวลานั่งรถไฟมาประมาณ 1 ชั่วโมง ไฮไลท์ของเมืองนี้คือ Zaehringen Bridge เป็นสะพานเก่าแก่ที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำ ซารีน ซึ่งความแปลกของที่นี่คือ คนสองฝั่งแม่น้ำพูดกันคนละภาษา คือภาษาฝรั่งเศสและเยอรมัน นอกจากนี้ เมืองฟรีบูร์กกลายเป็นจุดตั้งต้นการเดินทางไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ในเขตเทือกเขาจูรา และจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิเช่น ปราสาทกรุยแยร์ ไปทะเลสาบเจนีวา ไปInterlaken ฯลฯ และอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่อยากให้พลาดเมื่อไปเมืองฟรีบูร์ก คือ เดินชมตึกรามบ้านช่องเดินถนนคนเดินสายหลักของเมือง มีบรรยากาศรู้สึกเก่าๆ มีน้ำพุและเสามีรูปแกะสลักเป็นระยะๆ ของเมืองร้านอาหารวางเรียงรายสองข้างทาง สุดถนนคนเดินเป็นเนินลาดลงไปสู่ย่านเมืองเก่าริมคุ้งน้ำ เป็นที่ตั้งของมหาวิหารประจำเมือง คือมหาวิหารเซ็นต์นิโคลัส (Saint Nicholas) สูงที่สุดในเมือง (เกือบ 100 เมตร) นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นหอคอยสูง ไปชมวิวหรือหามุมถ่ายรูปสวยๆ กันได้ (ตัววิหารเข้าฟรี แต่หอคอยเปิดเป็นเวลา และต้องเสียค่าขึ้นหอคอยต่างหาก)
5. เซอร์แมท (Zermatt)
การเดินทางไปยังเซอร์แมท สามารถไปถึงได้โดยรถไฟเท่านั้น เป็นเมืองปลอดมลพิษ ไม่อนุญาตให้มีรถยนต์แล่นในเมือง (Car-Free Zone) และเป็นเมืองเล็กน่ารักมีขนาดไม่ใหญ่นัก สามารถเดินเที่ยว และเดินถ่ายรูปเก็บภาพสวยๆ คู่กับอาคารบ้านเรือนของคนได้ ให้ความคลาสิกกับรูปภาพของคุณ ซึ่งเมืองนี้คุณจะได้เห็นและสัมผัสวิถีความเป็นอยู่แบบชาวพื้นเมืองสวิสแท้ ๆ ที่มีการอนุรักษ์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี รวมถึงซึมซับไปกับบรรยากาศสุดโรแมนติกและความน่ารักของเมืองหิมะแห่งนี้ได้อย่างเต็มเปี่ยม โดยเซอร์แมทตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ ทำให้กิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจำนวนมากคือ การปีนเขา และเล่นสกี เนื่องจากบริเวณด้านบนเป็นที่ตั้งของสกีรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวได้มาเล่นกัน
6. โลซาน (Lausanne)
คนไทยรู้จักเมืองโลซานในฐานะในหลวงรัชกาลที่ 8 รัชกาลที่ 9 สมเด็จพระพี่นางฯ ทรงศึกษาและทรงเจริญพระชนม์ ณ เมืองนี้ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ และมีสวนเดอน็องตู ที่ตั้งศาลาไทยเฉลิมพระเกียรติ อยู่ในพื้นที่สวนสาธารณะเดอน็องตู (Le Denantou ) สร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองศิริราชสมบัติครบ 60 ปี และเนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี พ.ศ. 2549 โลซานน์เป็นเมืองหลวงของรัฐโว และตั้งอยู่ห่างจากเมืองเจนีวาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 กิโลเมตร ในอดีตเมืองโลซานน์เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมัน เพราะพื้นที่ของเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบเจนีวา ทำให้เชื่อมต่อกับอาณาจักรโรมันเมืองอื่นๆได้สะดวก ในอดีตเขตชุมชนตั้งอยู่ริมทะเลสาบ ด้วยชัยภูมิของเมืองดี จึงเป็นที่หมายปองของมหาอำนาจ ชาวบ้านจึงย้ายไปตั้งชุมชนบนเนินเขาเหนือทะเลสาบ ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้แก่ เขตเมืองเก่า (เนินเขาเหนือทะเลสาบ) และเขตริมทะเลสาบ ลักษณะของตัวเมืองเป็นตรอกซอกซอยเล็กๆ ทะลุถึงกันและคดเคี้ยวสูงต่ำไปตามเนินเขาที่ตั้งของเมือง เมืองนี้ให้ความรู้สึกถึงความขลังมีเสน่ห์ สวยคลาสสิก
7. กลาเซียร์เอ็กซ์เพรส (Glacier Express)
เปลี่ยนจากสถานที่ท่องเที่ยวเป็นพากันไปรีวิวนั่งรถไฟข้ามภูเขากันหน่อย หนึ่งในรถไฟด่วนที่ช้าที่สุดในโลก เป็นรถไฟที่วิ่งผ่านภูมิประเทศอันงดงามของเทือกเขาแอลป์ ที่ลอดผ่านอุโมงค์ สะพาน หน้าผา สวิสแกรนด์แคนยอน รวมไปถึงหุบเขาที่มีความสูงราวกว่า 2,000 เมตร เส้นทางของกลา-เซียร์เอ็คส์เพร็สมีความยาว 291 กิโลเมตร ผ่านสะพาน 291 แห่งและอุโมงค์ 99 แห่ง ใช้เวลาวิ่งถึง 8 ชั่วโมง ความทันสมัยของรถไฟ ขบวนตู้โดยสารปรับอากาศที่มีขนาดใหญ่ ทาด้วยสีแดง มีหน้าต่างใสขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบให้เป็นแบบพาโนรามา เพื่อให้สามารถชมวิวความสวยงามของภูเขาและทุ่งหญ้า ท้องฟ้าสดใสปลอดโปร่ง เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืม
8. ซูริค (Zurich)
มาสวิตเซอร์แลนด์ทั้งทีจะพลาดมาเมืองซูริคได้อย่างไร ซูริคเป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวครบทุกอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวชมสถาปัตยกรรมของโบส์ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ ย่านเมืองเก่าให้ได้เห็นกลิ่นอายวิถีชีวิตของผู้คนผ่านอาคารที่อยู่อาศัย และจตุรัสที่ประดับประดาด้วยดอกไม้หลากสีสันสวยงาม เริ่มที่การเสพศิลปะที่พิพิธภัณฑ์ Kunsthaus Zürich ที่พิพิธภัณฑ์ประกอบไปด้วยชิ้นงานกว่า 95,000 ชิ้น โดย 37,000 ชิ้นเป็นภาพวาดที่เหลือเป็นภาพพิมพ์ จัดแสดงตั้งแต่ผลงานยุคศตวรรษที่ 15 มาจนถึงผลงานในยุคปัจจุบันมีทั้ง คติดาดา (Dadaism) กว่า 740 ผลงานทั้งจากสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทหนังสือไปจนถึงภาพวาดและรูปถ่าย อีกทั้งภาพพิมพ์และภาพวาดจากศิลปินที่มีชื่อเสียงอีกหลายท่าน ภาพถ่าย จัดแสดงภาพถ่ายจากช่างภาพชื่อดังอาทิเช่น Henri Cartier-Bresson, Robert Frank, André Kertesz, Edward Steichen, Alfred Stieglitz และ Paul Strand นิทรรศการของพิพิธภัณฑ์ Kunsthaus มีทั้งแบบถาวรและหมุนเวียนสามารถเช็คข้อมูลได้ก่อนที่เว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์ สถานที่ถัดมาคือ ย่านเมืองเก่าซูริค Zurich Old Town Area (Altstadt) เป็นย่านใจกลางเมืองเก่าแก่ของซูริค ด้วยอาคารเก่าแก่ที่งดงามจากยุคศตวรรษที่ 19 และบนถนนหินกรวดที่คดเคี้ยวก็เป็นที่ตั้งของคาเฟ่ ร้านค้า และหอศิลป์ Altstadt เป็นจุดเริ่มต้นในการท่องเที่ยวสถานที่สำคัญๆ ของนักท่องเที่ยว เพราะรายล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ อย่าง ย่านการค้า Bahnhofstrasse ตลอดจนชมวิวติดแม่น้ำ Limmat หรือแม้แต่โบสถ์ St. Peter สามารถเดินทางไปตามจุดต่างๆ โดยการเดินเท้า นอกจากนี้ยังมีสถานที่ๆ น่าสนใจอย่างโรงละครโอเปร่า (Opernhaus Zurich) โบสถ์โปรเตสแตนท์ (Grossmunster) สวนพฤกษศาสตร์ (Alter Botanischer Garten) ภัตตาคารอาหารสวิส (Kaufleuten/Restaurant Kultus Klub Bankette) อุทยาน Lindenhof และอุทยาน Platespitz และอีกสถานที่แลนด์มาร์คของเมืองซูริค คือ จัตุรัส Bürkliplatz ณ Lake Zürich Bürkliplatz มีลักษณะเป็นจัตุรัสสามแฉกที่อยู่ติดกับ Bahnhofstrasse และ Fraumünsterstrasse โดยเรียกจัตุรัสสามแฉกที่ประกอบด้วยสามสถานที่นี้ว่า Stadthausanlage ทุกๆ วันศุกร์และเสาร์จะมีตลาดนัดขายของมาเปิดโดยรอบ นักร้องมาเปิดหมวกและนิยมจัดคอนเสิร์ทที่นี่เช่นกัน Lake Zurich เป็นทะเลสาบตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 เมืองได้แก่ เมืองซูริค เมืองซังคท์กัลเลิน และเมืองชวีซ ตัวทะเลสาบค่อนข้างสะอาดและใสในฤดูร้อนทำให้ได้รับความสนใจจากชาวเมืองและนักท่องเที่ยวนิยมลงไปว่ายน้ำ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการว่ายน้ำที่ทะเลสาบอยู่ในช่วงเดือนปลายเดือนสิงหาคม มีเรือถีบ เรือบาร์บิคิว ไว้บริการ นอกจากนี้ยังมีปาร์ตี้บนเรือที่เป็นนิยมในช่วงวันศุกร์เสาร์และอาทิตย์อีกด้วย
หลังหมด COVID-19 ไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ เปลี่ยนบรรยากาศมองประเทศภูมิทัศน์สบายตา ไปสูดอากาศดีๆ เล่นสกีบนเขาหนาวเหน็บ แล้วอย่าลืมแชร์ภาพประทับใจให้ทุกคนได้ตามคุณไปนะ