TSAATAN The Reindeer Herders

Travel Stories
22 ต.ค. 67
164
0

หากใครกำลังแพลนทริปสิ้นปีแบบที่ต้องการท้าทายความหนาวจับขั้วหัวใจ หนึ่งในตัวเลือกที่ไม่อยากให้พลาดคือ ซาตัน (Tsaatan) ในภาษามองโกเลีย แปลว่า “ผู้ที่มีกวางเรนเดียร์” เป็นชนเผ่าที่มีพื้นเพมาจากสาธารณรัฐทูวาในประเทศรัสเซีย ได้ข้ามพรมแดนมายังฝั่งมองโกเลียเพื่อตั้งถิ่นฐานกันในเขต Tsagaan-Nuur หมุดหมายของเราในทริปนี้นั่นเอง

เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ เลือกเดินทางด้วยสายการบิน MIAT ซึ่งมีไฟลต์บินตรงสู่ อูลานบาตอร์ เมืองหลวงของประเทศมองโกเลีย ข้อดีอีกอย่างของการไปประเทศนี้คือ หนังสือเดินทางไทยสามารถเข้าประเทศมองโกเลียได้เลย (ฟรีวีซ่า อยู่ได้ 30 วัน) จากนั้นเราจะต่อรถไฟตู้นอนสายทรานส์ไซบีเรีย (Trans-Siberian Railway) ไปลงที่เมือง Erdenet เพื่อย่นระยะทางการนั่งรถ แถมยังได้บรรยากาศการนั่งรถไฟเป็นของแถมอีกด้วย จากนั้นเดินทางด้วยรถยนต์เข้าไปอีก 2 คืน ก็จะถึง Tsagaan-Nuur ซึ่งเป็นเขตที่บรรดาชนเผ่า Tsaatan ตั้งถิ่นฐานกันในช่วงฤดูหนาว

เมื่อมาถึงหมู่บ้าน ก็จะได้พักแรมกันแบบโฮมสเตย์ของคนท้องถิ่นโดยตรงเลย ทำให้ได้สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่แบบเรียลๆ กันเลยล่ะ ในเรื่องอาหารการกินโชคดีที่ทีมงานท้องถิ่นที่นั่นค่อนข้างคุ้นเคยกับคนไทย เลยสามารถทำอาหารง่ายๆ แบบไทยๆ กันได้อยู่ การมาเที่ยวหมู่บ้านแห่งนี้ จำเป็นจะต้องจ้างทัวร์ท้องถิ่นให้ดูแล เพราะข้อจำกัดเรื่องภาษาและการเดินทางค่อนข้างจะมากเลยทีเดียว

เหนื่อยและลำบากไหม? แน่นอนหลักๆ น่าจะมาจากการเดินทางด้วยรถ UAZ หรือที่เราเรียกกันว่ารถตู้ทหารโซเวียต วันๆ หนึ่งนั่งรถกันเกิน 6 ชั่วโมง บางวันอาจจะทะลุกันไปถึง 10 ชั่วโมง ทริปนี้เรามาในช่วงเดือนธันวาคม ตรงกับฤดูหนาวพอดี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -20 องศาเซลเซียส พีคๆ มีดันไปถึง -30 ++ เรียกได้ว่าหนาวถึงใจ การมาเยือนในฤดูอื่นอาจจะยิ่งสมบุกสมบันขึ้นไปอีก เพราะเขาจะย้ายถิ่นลึกเข้าไปข้างใน ซึ่งจะไม่สามารถเอารถเข้าไปได้ เพราะน้ำแข็งจะละลายทำให้บางจุดอาจจะต้องขี่ม้าเข้าไปแทน 

การมาทริปนี้บอกเลยว่าต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะกว่าจะเดินทางเข้าไปถึงบริเวณที่ชนเผ่าลงหลักปักฐานอยู่ ก็ปาไป 3-4 วันแล้ว อย่างผมเองก็ใช้เวลากับทริปนี้ไปทั้งหมดร่วม 12 วัน

ถึงแม้ทริปนี้จะเหนื่อยกันหน่อย แต่บอกเลยว่าเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีอีกทริปนึงเลยล่ะ ได้ไปพบเจอผู้คนใหม่ๆ เรียนรู้ความเป็นอยู่และวัฒนธรรมใหม่ๆ และยังได้เก็บภาพสวยๆ ของชนเผ่ากับกวางเรนเดียร์ได้ดั่งใจหวัง ส่วนวิวทิวทัศน์ที่ไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากนัก เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะเจอแต่หิมะขาวโพลนกับทิวสนเป็นส่วนใหญ่ แต่พอได้เห็นกับตาจริงๆ บอกเลยว่าสวยจับใจ คุ้มเหนื่อยเลยทีเดียว

บรรยากาศช่วงเย็นในหมู่บ้านชาว Taiga และกระโจมที่พักอาศัยอันเป็นเอกลักษณ์

รถตู้รัสเซีย หรือ UAZ ที่หลายๆ คนมองว่าน่ารัก แต่สมรรถภาพนั้นเรียกว่า อึด ถึก ทน

บรรยากาศการเดินทางในช่วงพลบค่ำ แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้านั้นสวยงามมากจริงๆ

ช่วงฤดูหนาวกับกวางเรนเดียร์นั้นมันเข้ากันมากๆ ดูเผินๆ นึกว่าอยู่นอร์เวย์ แต่จริงๆ แล้วอยู่เหนือประเทศไทยขึ้นไปแค่นั้นเอง 

เราได้ภาพคนพื้นถิ่นในชุดพื้นเมืองที่มาเป็นแบบให้ในช่วงเช้าตรู่ ท่ามกลางอากาศหนาวระดับ -30 องศาเซลเซียส เรียกว่า ถ่ายเสร็จต้องรีบวิ่งกลับเข้าห้องพักกันเลย

เขากวางเรนเดียร์ตัวผู้ ดึงดูดสายตามากๆ

เด็กน้อยกับกวางเรนเดียร์

บรรยากาศทิวสนที่เต็มไปด้วยแม่คะนิ้ง พอแสงอาทิตย์คล้อยสาดมา ทำให้มีสีทองสวยงาม

ซีนสวยๆ บริเวณหมู่บ้านของชาว Taiga

ที่เห็นหน้าน้องหมาเป็นแบบนั้นไม่ใช่อะไร น้องเอาหน้าไปซุกหิมะมา เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี

ที่นั่นไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง อย่างมากก็มีอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เล็กๆ น้อยๆ วัตถุดิบในการใช้ชีวิตประจำวันจึงเป็นการตัดไม้นำมาเป็นเชื้อเพลิง ทั้งทำอาหาร สร้างแสงสว่าง และให้ความอบอุ่น

ความสวยงามของธรรมชาติในช่วงฤดูหนาวที่สะกดสายตาเอามากๆ 

หิมะเต็มพื้นที่กับแสงอาทิตย์ที่กำลังคล้อยในช่วงเย็นสาดทะลุไอน้ำจากธารน้ำที่อยู่บริเวณนั้น

ภูเขาหิมะสูงโดดเด่นมากในบริเวณนั้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นทุ่งหิมะกับทิวสน

ทนหนาวกันเป็นชั่วโมง เพื่อเซตภาพถ่ายในช่วงกลางคืน หนาวถึงขั้วหัวใจกันเลยทีเดียว

นอกจากกวางเรนเดียร์แล้ว ที่แปลกตาสุดๆ คือการพบเจออูฐที่เรามักจะคุ้นเคยกับถิ่นอาศัยที่เป็นแบบทะเลทราย แต่รอบนี้มาเจออูฐอยู่บนทุ่งหิมะ เรียกว่าคอนทราสต์กันสุดๆ

สายหมอกยามเช้าในระหว่างการเดินทาง

 

เรื่องและภาพ : Notjustnut