Kenya Safari The Call of the Wild
ทุ่งหญ้าสะวันนากว้างไกลสุดสายตา ฝูงสัตว์เดินหากินอยู่เต็มท้องทุ่งหญ้าสีทอง ฝูงนกฟลามิงโกนับร้อยนับพันขยับปีกโบยบินขึ้นเหนือท้องฟ้าและทำให้ทะเลสาบสีฟ้านั้นกลายเป็นสีชมพู นักรบชาวมาไซสวมเสื้อสีแดงสดตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า ท้องทุ่งสีเหลืองอ่อนในยามเย็น และพระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังจะลับขอบฟ้า...นี่คือแอฟริกา ดินแดนที่ไม่เหมือนกับที่ใดบนโลก
ผมเชื่อว่า คนรุ่นผมหลายคนเดินทางมาซาฟารีที่แอฟริกา เพราะได้แรงบันดาลใจจากหนังสือชื่อ Out of Africa ของ Isak Dinesen ซึ่งเป็นนามปากกาของ Karen Blixen เป็นอัตชีวประวัติของเธอเอง ในระหว่างใช้ชีวิตอยู่ที่เคนยานานเกือบ 20 ปี ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยในชื่อ พรากจากแสงตะวัน และนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Out of Africa หรือรักที่ริมขอบฟ้า ใน ค.ศ. 1985 ใครอยากมาซาฟารีที่เคนยา ผมแนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้หรือชมภาพยนตร์เรื่องนี้สักครั้งก่อนเดินทาง เพราะประสบการณ์ที่ได้จากหนังสือหรือภาพยนตร์จะปรากฏขึ้นต่อหน้าคุณนับตั้งแต่ลงจากเครื่องบินที่กรุงไนโรบีเลย
โปรแกรมซาฟารีส่วนใหญ่เริ่มต้นจากไนโรบี รูปแบบที่นิยมคือ ใช้รถซาฟารีที่เปิดหลังคาได้ ไม่ว่าจะเป็นรถตู้ดัดแปลงหรือรถจี๊ป ที่ฮิตมากในแอฟริกาคือ Toyota Land Cruiser รถซาฟารีจะมารับเราที่สนามบินและมุ่งตรงไปยังเขตสงวนต่างๆ เลย และรถคันนี้จะอยู่กับเราไปตลอดการเดินทาง หรือในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งหรูหราสะดวกสบายกว่า แต่ก็มีราคาที่สูงกว่ามาก คือจากสนามบินไนโรบีขึ้นเครื่องบินเล็กไปที่สนามบินขนาดเล็กในเขตสงวนทุกแห่ง และใช้รถซาฟารีของรีสอร์ตหรือแคมป์ที่พักออกไปส่องสัตว์ในแต่ละวัน
การมาซาฟารีควรมีเวลา 5-7 วัน เพราะพื้นที่เขตรักษาพันธุ์แต่ละแห่งค่อนข้างกว้างใหญ่ โปรแกรมทัวร์มักเริ่มต้นที่ Samburu National Reserve ทางตอนเหนือของไนโรบี ซึ่งเป็นพื้นที่กึ่งทะเลทรายที่ค่อนข้างแห้งแล้ง สัตว์ที่พบในบริเวณนี้ นอกจาก Big 5 อันได้แก่ สิงโต ช้างป่าแอฟริกัน แรด ควายป่าแอฟริกัน และเสือดาวแล้ว เรายังได้เห็นสัตว์อีกหลายชนิดซึ่งจะไม่พบเห็นในบริเวณอื่น เช่น ม้าลายเกรวี ที่มีลายบนลำตัวเป็นเส้นขีดเล็กๆ และแอนติโลปคอยีราฟ (Gerenuk)
เราพักที่แซมบูรู 1 คืน ก่อนเดินทางไปทะเลสาบ Nakuru ทางตะวันตกของไนโรบี ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสลับกับป่าโปร่ง เราได้เห็นแรด ทั้งแรดขาวและแรดดำ ควายป่าแอฟริกัน และฝูงนกฟลามิงโก ทั้ง Greater Flamingo และ Lesser Flamingo นับพันนับหมื่นตัวอาศัยอยู่ในบึงน้ำจนทำให้บึงน้ำกลายเป็นสีชมพู จากทะเลสาบนากูรู เราเดินทางต่อไปยังเขตรักษาพันธุ์แห่งชาติมาไซมารา เฝ้าชมฝูงวิลเดอบีสต์อพยพจากทุ่งหญ้าเซเรนเกติในประเทศแทนซาเนีย ข้ามแม่น้ำมาราที่เชี่ยวกรากและเต็มไปด้วยจระเข้ขนาดใหญ่คอยดักซุ่มอยู่ เข้ามาในเขตมาไซมารา ประเทศเคนยา และช่วงเวลานี้ทุ่งมาไซมาราคึกคักมากที่สุด เพราะมีอาหารเหลือเฟือสำหรับนักล่าอย่างสิงโตและเสือดาว
จากมาไซมารา โปรแกรมทัวร์มาจบที่อุทยานแห่งชาติ Amboseli ทางตอนใต้ของเคนยา ติดกับแทนซาเนีย ซึ่งโดดเด่นเรื่องช้าง และสามารถมองเห็นยอดเขา Kilimanjaro ซึ่งเป็นภูเขาไฟยอดเดี่ยวที่สูงที่สุดในโลก และเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในแอฟริกา
“ไม่มีท้องฟ้าใดบนโลกที่งดงามเท่ากลางท้องทุ่งแอฟริกา” ผมคิดว่าคำกล่าวนี้ไม่เกินจริงเลย โดยเฉพาะกับคนรักธรรมชาติ และเมื่อคุณได้มาเยือน ผมเชื่อว่ามนตร์เสน่ห์แห่งแอฟริกาจะพาให้คุณเดินทางกลับมาที่นี่อีกแน่นอน
The Great Migration คือช่วงที่ฝูงวิลเดอบีสต์นับล้านตัวอพยพย้ายถิ่นจากทุ่งหญ้าเซเรนเกติในเขตประเทศแทนซาเนีย เข้ามายังเขตมาไซมาราทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเคนยา ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน เราจะมีโอกาสได้เห็นปรากฏการณ์น่าตื่นใจที่ฝูงวิลเดอบีสต์แหวกว่ายข้ามแม่น้ำมาราที่เชี่ยวกรากและเต็มไปด้วยนักล่าอย่างจระเข้แม่น้ำไนล์ที่มีขนาดใหญ่เกือบ 5 เมตร เฝ้ารอคอยดักเหยื่ออยู่กลางแม่น้ำ
คนที่ไม่เคยไปซาฟารีที่เคนยาอาจรู้สึกว่า อยากไปส่องสัตว์หลายๆ ที่ จะได้ไม่ซ้ำกัน แต่จากประสบการณ์ที่ไปเคนยามาแล้ว 3 ครั้ง ผมแนะนำเลยว่า เขตมาไซมารานับเป็นไฮไลต์ของทริป และควรใช้เวลาที่นี่อย่างน้อย 2-3 คืน เพื่อจะได้มีเวลาออกไปส่องสัตว์หรือ Game Drive อย่างน้อย 3 วัน คือช่วงบ่ายของวันที่มาถึง กับเต็มวันเช้า-บ่ายอีก 1 หรือ 2 วัน และอาจมีตอนเช้าก่อนย้ายไปที่อื่นอีกรอบ
ที่มาไซมารามีโปรแกรมเสริมซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด คือการขึ้น Hot Air Balloon เพื่อชมทุ่งมาไซมาราและดูสัตว์จากบนท้องฟ้าในยามเช้า เป็นแพ็กเกจพิเศษที่เราต้องจ่ายเงินเพิ่มคนละประมาณ 450 เหรียญสหรัฐฯ ผมแนะนำว่า เมื่อไปถึงแล้วก็ควรขึ้นไปชมบรรยากาศยามเช้า ก่อนที่จะลงมานั่งจิบแชมเปญกลางท้องทุ่งสักหน่อยก็ไม่เลว โปรแกรมเริ่มต้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เพื่อขึ้นไปชมแสงแรกในยามเช้าที่สาดส่องลงมาบนท้องทุ่ง หลังจากที่เราลงจากบอลลูนแล้ว ส่วนใหญ่จะพาเราไปชมวิถีชีวิตของชาวมาไซในหมู่บ้านของชาวมาไซที่เป็นเจ้าของพื้นที่ทุ่งมาไซมารา ว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่นี้กันอย่างไร
ท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งชาติมาไซมารา เมื่อมองจาก Hot Air Balloon ในยามเช้า ขณะลดความสูงลงมาอยู่ในระดับยอดไม้ ด้วยความเงียบและการเคลื่อนไหวช้าๆ ของบอลลูน ทำให้เราได้พบมุมมองที่แปลกตาไปจากที่เรามองจากบนหลังคารถยนต์
เสือชีตาห์ในขณะที่กระโดดขึ้นไปบนหลังคารถซาฟารี ชีตาห์ที่มีลูกอ่อนจะออกล่าเหยื่อทุกวัน และชอบกระโดดขึ้นไปบนที่สูง เช่น เนินดิน จอมปลวก หรือรถซาฟารีที่จอดอยู่นิ่งๆ เพื่อส่องดูทิศทางการเคลื่อนไหวของเหยื่อจำพวกแอนติโลปตัวเล็กๆ ก่อนที่จะไปดักและไล่จับเหยื่อกลางท้องทุ่ง
สำหรับช่างภาพหรือคนที่อยากไปเฝ้าถ่ายภาพสัตว์นั้น สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือ คนขับรถหรือพรานที่นำทาง ผมไปเคนยามา 3 ครั้ง แต่ละครั้งให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ครั้งสุดท้ายที่ไป ผมโชคดีพอที่ได้คนขับรถเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ Park Ranger ที่มีคอนเนกชันและเพื่อนฝูงมากมาย ตลอดเวลาที่อยู่ในรถ นอกจากที่เราจะคอยเฝ้ามองสัตว์ตลอด 2 ข้างทางแล้ว คนขับรถยังคอยฟังรายงานข่าวการพบเจอสัตว์ชนิดต่างๆ ในวิทยุด้วย พรานที่ดีจะตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้รับและวางแผนล่วงหน้าให้กับเราได้เสมอ หรืออย่างในช่วงเวลาสำคัญ พรานจะคอยบอกเราถึงพฤติกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้ราวกับตาเห็น อย่างเช่นครั้งที่เสือชีตาห์แม่ลูกอ่อนที่มีลูก 2-3 ตัว เดินผ่านรถของเราไปยังรถอีกคันที่จอดอยู่กลางทุ่ง คนขับรถก็บอกผมว่า คอยดูนะ ชีตาห์ตัวนั้นกำลังจะกระโดดขึ้นไปบนหลังคารถคันนั้น เพื่อดูกาเซลล์ที่กำลังเคลื่อนที่มาไกลๆ โน่น หลังจากนั้นไม่กี่นาที ชีตาห์ตัวนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคารถ ในขณะนั้นรถทุกคันจะจอดนิ่ง ไม่เข้าไปรบกวนการล่าจากระยะไกล จนกระทั่งในจังหวะแรกที่ชีตาห์สามารถตะปบเหยื่อและกัดคอเหยื่อล้มลงบนพื้น รถที่เฝ้ารออยู่จึงค่อยๆ เคลื่อนที่ขยับเข้าไป
ชีตาห์เป็นนักล่ากลางแดดที่ล่าเหยื่อตอนกลางวัน บริเวณใต้ตามีขนสีดำเป็นทางยาวเรียกว่า แอ่งน้ำตา ซึ่งทำให้ชีตาห์แตกต่างไปจากเสือประเภทอื่น ขนสีดำนี้ช่วยให้แสงไม่สะท้อนเข้าตา ทำให้มองเหยื่อได้ชัดเจนในตอนกลางวัน คล้ายๆ กับที่ทหารหน่วยรบพิเศษหรือ Sniper ชอบทาสีดำบริเวณใต้ตา เพื่อไม่ให้แสงสะท้อนเข้ามารบกวนสายตา เมื่อแม่ชีตาห์ล่าเหยื่อได้ จะให้ลูกๆ กินก่อน จากนั้นพอหายเหนื่อยก็จะเข้ามากินเพียงครั้งเดียวให้มากที่สุด แล้วทิ้งซากไป ก่อนที่สิงโต เสือดาว หรือแม้แต่ไฮยีนา จะเข้ามาแย่ง
เต็นท์ล็อบบีของแคมป์แบบ Safari Tent ที่ตั้งอยู่ใจกลางอุทยานหรือเขตรักษาพันธุ์ต่างๆ มีความสะดวกสบายและหรูหราไม่ต่างจากโรงแรมขนาดใหญ่ ในขณะที่ห้องพักก็สะดวกสบายไม่แพ้กัน การไปซาฟารีที่เคนยานั้นไม่จำเป็นต้องเป็นสายลุยอะไรมากมาย ทั้งในเรื่องของที่พักและอาหาร มีทุกอย่างพร้อมสรรพเหมือนโรงแรมหรูทั่วไป หลายๆ แห่งปั่นไฟและเปิดปิดไฟเป็นเวลา ไม่ต้องกังวลว่าถ้าไม่มีแอร์แล้วจะร้อน นอนไม่หลับ เพราะอากาศในตอนกลางคืนของทุ่งหญ้าสะวันนาในแอฟริกานั้นค่อนข้างหนาวเย็นพอสมควร อุณหภูมิตอนกลางคืนและเช้ามืดจะลงมาต่ำราว 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนในตอนกลางวัน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 23-25 องศาเซลเซียส
แม้บริเวณที่พักจะมีรั้วล้อมรอบ แต่พนักงานมักกำชับเสมอว่า ในเวลากลางคืนถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรออกมานอกห้องนอนหรือเต็นท์ เพราะอาจมีสัตว์หลงหลุดเข้ามาในบริเวณแคมป์ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องกังวล เพราะที่พักส่วนใหญ่มีพนักงานเป็นคนพื้นเมืองคอยเดินตรวจตราอาณาบริเวณรอบๆ อยู่ตลอดทั้งคืน
น้ำผลไม้ ขนมปัง และแชมเปญ ที่จัดไว้ให้เป็น Light Breakfast ก่อนออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดราวตี 5 ครึ่งเพื่อไปส่องสัตว์ในยามเช้า เสร็จแล้วจะกลับมารับประทานอาหารเช้ากันในช่วงสายๆ ราว 8-9 โมงเช้า จากนั้นจะพักผ่อนอยู่ในบริเวณที่พัก ก่อนออกไปส่องสัตว์อีกครั้งตอนประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง และกลับเข้าที่พักในช่วงค่ำ โปรแกรมอาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละวัน
แอนติโลปคอยีราฟ (Gerenuk) หรือแอนติโลปที่มีคอยาวกว่าปกติ
เป็นแอนติโลปที่พบทางตอนเหนือของเคนยาในบริเวณอุทยานแห่งชาติแซมบูรู มีลักษณะที่โดดเด่นคือ เวลากินอาหารจะยืนบนสองขาหลังและยืดคอออกเพื่อกินใบไม้ในบริเวณที่สูงกว่าที่สัตว์อื่นๆ กิน
ทะเลสาบสีชมพูที่เต็มไปด้วยฝูงนกฟลามิงโก ทั้ง Greater Flamingo ที่มีสีออกขาวและมีขนาดที่ใหญ่กว่า และ Lesser Flamingo ที่มีสีออกชมพู เราจะพบนกฟลามิงโกนับล้านตัวกระจายอยู่ตามทะเลสาบต่างๆ ในเคนยา ในช่วงปีที่ผมไป ทะเลสาบนากูรูมีระดับน้ำสูงขึ้น จนทำให้นกฟลามิงโกยืนไม่ถึง เพราะน้ำลึกเกินไป นกจำนวนหนึ่งจึงย้ายไปลงที่ทะเลสาบโบโกเรีย ซึ่งอยู่ห่างไปทางเหนือราว 3 ชั่วโมง
แรดขาว หรือ White Rhino เชื่อกันว่าชื่อเรียกผิดเพี้ยนมาจากคำว่า Wijd ในภาษาดัตช์ (แปลว่า กว้าง) ซึ่งใช้เรียกแรดชนิดนี้ เพราะมีปากด้านล่างกว้างและเป็นรูปสี่เหลี่ยม มาเป็น White ในภาษาอังกฤษ ทำให้เรียกแรดชนิดนี้ว่า White Rhino
แรดดำ หรือ Black Rhinoceros มีขนาดเล็กกว่าแรดขาว แรดดำมักหักกิ่งไม้กิน ขณะที่แรดขาวกินหญ้าบนพื้นมากกว่า ในอดีตพรานผิวขาวเชื่อกันว่า แรดดำมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวมากกว่าแรดขาว
ควายป่าแอฟริกัน จัดเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 หรือ Big 5 แห่งทวีปแอฟริกา ควายป่าแอฟริกันมักจะชอบอาศัยอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำ และในบางครั้งก็รวมตัวกันอยู่เป็นฝูงใหญ่ๆ
เสือดาว คือผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 แห่งแอฟริกาที่มีขนาดเล็กที่สุด และหาดูได้ยากมากที่สุด เพราะเสือดาวมักซุ่มซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบ หรือตามพุ่มไม้ที่รกทึบ หรือตามกิ่งไม้บนที่สูง เมื่อเสือดาวล่าเหยื่อได้ มักจะลากเหยื่อขึ้นไปกินบนต้นไม้ เพื่อไม่ให้นักล่าที่มีขนาดใหญ่กว่าอย่างสิงโตเข้ามาแย่งเหยื่อไป ผมบันทึกภาพเสือดาวตัวนี้ที่ซุ่มนอนอยู่บนคบไม้จากระยะไกลในบริเวณริมทะเลสาบนากูรู
สำหรับอุปกรณ์กล้องที่เหมาะกับการใช้งานถ่ายภาพซาฟารีนั้น เราควรมีกล้อง 2 ตัว ใส่เลนส์มุมกว้างหรือเลนส์ซูมมุมกว้างไว้ตัวหนึ่งเป็นกล้องสำรอง และอีกตัวหนึ่งใส่เลนส์เทเลโฟโต้ขนาดทางยาวประมาณ 300-600 มิลลิเมตร หรือจะเป็นเลนส์ซูมเทเลโฟโต้ที่มีทางยาว 100-400 มิลลิเมตร ก็ใช้งานได้คล่องตัวบนรถที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด อุปกรณ์อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ คือถุงถั่วหรือถุงทราย สำหรับใช้วางพาดกล้องและเลนส์เทเลบนหลังคารถ หรือแท่นที่ยึดจับหัวขาตั้งกับข้างกระจกรถในกรณีที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับ ส่วนขาตั้งกล้องนั้น ผมแบกไปด้วยทั้ง 3 ครั้ง แต่ไม่เคยได้หยิบออกมาใช้สักครั้งเดียว
สิงโตตัวเมียอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงซึ่งเรียกว่า Pride แต่ละตัวใน Pride มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด รวมกลุ่มกันเพื่อดูแลลูกๆ และออกล่าเหยื่อด้วยกัน แต่เมื่อล่าเหยื่อได้ สิงโตตัวผู้มักจะเข้ามากินเหยื่อที่ล่าได้นั้นก่อน
สิงโตตัวผู้ขณะจับคู่เพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์กับสิงโตตัวเมีย กลางท้องทุ่งมาไซมารา แม้ว่าสิงโตตัวผู้จะจับคู่กับสิงโตตัวเมียได้ถึงวันละ 50 ครั้ง แต่ว่าแต่ละครั้งจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
นักรบเผ่ามาไซขณะแสดงการเต้นรำ Adamu หรือ Jumping Dance ในประเพณีการฉลองการแสดงความเป็นหนุ่มและบรรลุนิติภาวะ การกระโดดได้สูง หมายถึงการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง การกระโดดได้ยิ่งสูงก็จะยิ่งทำให้มีความโดดเด่นในการมัดใจสาวๆ ในเผ่าที่มาร่วมพิธี
ฝูงช้างป่าแอฟริกันในอุทยานแห่งชาติแอมโบเซลี ที่เคลื่อนขบวนผ่านมาในทุ่งโล่ง โดยมียอดเขาคิลิมันจาโร ซึ่งเป็นยอดภูเขาไฟที่สูงที่สุดในแอฟริกา ตั้งอยู่ในเขตประเทศแทนซาเนีย ยืนตระหง่านเป็นฉากหลัง
ช้างแอฟริกัน เป็นสัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อโตเต็มที่จะมีความสูงเฉลี่ยถึง 4 เมตร มีน้ำหนักประมาณ 5-7 ตัน ในขณะที่ช้างเอเชียมีน้ำหนักประมาณ 3-6 ตัน ใบหูช้างแอฟริกันมีขนาดใหญ่และกว้างกว่าช้างเอเชีย และมีรูปทรงคล้ายกับแผนที่แอฟริกา อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันคือ ช้างแอฟริกันเมื่อโตเต็มวัยจะมีงาทั้งตัวผู้และตัวเมีย
เรื่องและภาพ : นัท สุมนเตมีย์