The Pristine Nature of Aldabra

Travel Stories
4 พ.ค. 67
1,020
0

ทุกวันนี้เราอยู่ในโลกที่เดินทางไปไหนมาไหนได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ ภาพของชายหาดหลายๆ แห่งที่เคยสงบงามเมื่อ 30-40 ปีก่อน กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยผู้คน แต่ก็มีบางแห่งบนโลกใบนี้ที่ยังคงความพิสุทธิ์ของธรรมชาติไว้ได้ ด้วยความห่างไกลและความยากลำบากในการเดินทาง และอัลดาบรา เกาะปะการัง (Atoll) มรดกโลกทางธรรมชาติของประเทศเซเชลส์แห่งนี้ ก็คือสถานที่แห่งนั้น

ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน น้อยคนนักที่มีโอกาสไปเยือนเกาะอัลดาบรา ด้วยความที่อยู่ไกลจากเมืองวิกทอเรีย  เมืองหลวงของประเทศ มากกว่า 1,000 กิโลเมตร ไม่มีโรงแรมที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวบนเกาะ มีเพียงสถานีวิจัยและบ้านพักนักวิจัยเท่านั้น การเดินทางไปยังเกาะแห่งนี้ จึงต้องพักแรมอยู่บนเรือที่ลอยลำอยู่ในทะเล แม้จะมีสนามบินที่ใกล้สุดอยู่บนเกาะ Assumption ซึ่งอยู่ห่างไปราว 1 ชั่วโมง แต่ก็ไม่มีเครื่องบินที่บินประจำ ปัจจุบัน Seychelles Islands Foundation (SIF) องค์กรเอกชนที่ดูแลหมู่เกาะอัลดาบรา ได้จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ประมาณ 500 คนต่อปีเท่านั้น และตั้งค่า Impact Fee สำหรับนักท่องเที่ยวไว้สูงถึง 225 ยูโรต่อวัน ทำให้หมู่เกาะแห่งนี้ยังคงความพิสุทธิ์ของธรรมชาติไว้ได้อย่างสมบูรณ์

ผมออกเดินทางด้วยเรือ Liveaboard ที่ดัดแปลงมาจากเรือวิจัยขนาดใหญ่ชื่อว่า Maya Dugong และใช้เวลา 2 สัปดาห์อยู่บนเรือ ล่องไปตามเกาะแก่งทั่วเซเชลส์ เริ่มตั้งแต่ทางตอนเหนือของเกาะมาเฮ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นเกาะ Praslin ที่ตั้งของ Vallée de Mai ป่าดึกดำบรรพ์ต้นกำเนิดของ Coco de Mer ต้นไม้ที่มีเมล็ดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตามด้วยเกาะ La Digue ที่ตั้งของ Anse Source d’Argent หนึ่งในชายหาดที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

จากนั้นล่องลงใต้มายัง Alphonse Atoll ซึ่งเป็นอะทอลขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีสนามบินและโรงแรมหรูขนาดเล็ก มีห้องพักเพียง 22 ห้อง แขกที่มาพักส่วนใหญ่เป็นนักตกปลาโดยใช้อุปกรณ์ Fly Fishing เพื่อมาตกปลา Bonefish และ Giant Trevally ที่ว่ายเข้ามาหากินในแนวน้ำตื้น

จากเกาะ Alphonse เราต้องล่องเรือออกไปในทะเลเปิดอีกเกือบ 24 ชั่วโมง เพื่อตรงไปยังหมู่เกาะอัลดาบรา โดยระหว่างนี้เราแทบไม่เห็นเรืออื่นเลยสักลำ มีเพียงผืนน้ำกับแผ่นฟ้าในเวลากลางวัน และดวงดาวในยามค่ำคืนเท่านั้น

เช้าวันรุ่งขึ้น เรือของเราก็มาถึงเกาะ Astove ที่อยู่ด้านนอกสุดของ Aldabra Atoll ผมเห็นฝูงกระเบนปีศาจ 2-3 ตัว กับฉลามหัวค้อนใหญ่บริเวณด้านนอกแนวปะการัง หลังจากลงดำน้ำ 2 ไดฟ์ในบริเวณเกาะ Astove และอีก 1 ไดฟ์ที่เกาะ Assumption และในช่วงค่ำของคืนนั้นเอง เรือของเราก็มาจอดทอดสมออยู่ที่หน้า Aldabra Research Station

นอกจากเต่ายักษ์อัลดาบรา อีกหนึ่งไฮไลต์ของเกาะปะการังแห่งนี้ก็คือ ฝูงฉลามครีบดำนับร้อยตัว ที่ว่ายเข้ามาหากินในบริเวณริมชายหาดระดับน้ำตื้นแค่เข่าในช่วงเวลาน้ำขึ้น แค่เราไปนั่งคุกเข่าเฉยๆ แล้วใช้มือตบน้ำเบาๆ ฉลามครีบดำที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นก็จะพากันว่ายเข้ามาล้อมรอบตัวเรา

แม้โลกใต้น้ำของอัลดาบราจะไม่อลังการเหมือนกับจุดดำน้ำอื่นๆ บนโลก แต่ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปลาขนาดใหญ่ที่พบบ่อยมากที่สุดไม่ใช่ฉลาม แต่เป็นปลากระเบนชนิดต่างๆ และปลาหมอทะเลลายดอก ซึ่งพบเห็นได้แทบทุกจุดดำน้ำ

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมเราต้องข้ามน้ำข้ามทะเลเดินทางไปไกลขนาดนั้น อีกทั้งการเดินทางไปก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับผม ความปกติของธรรมชาติซึ่งเปลี่ยนแปลงไปน้อยมากนับจากวันที่มีมนุษย์คนแรกเดินทางมาถึงเมื่อหลายร้อยปีก่อน คือเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ผมไปที่นั่น และเราก็หาสถานที่แบบนี้ได้ยากมากแล้วในโลกปัจจุบัน

Vallée de Mai

Vallée de Mai ป่าต้นปาล์มเฉพาะถิ่นซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ Coco de Mer นักเดินเรือในยุคโบราณมักเจอกับเมล็ดขนาดยักษ์ของต้นไม้นี้ในทะเล โดยที่หาไม่เจอว่าต้นของมันอยู่ที่ไหน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ Coco de Mer หรือมะพร้าวทะเล อันเป็นพืชเฉพาะถิ่นที่พบได้บนเกาะ Praslin เท่านั้น

Coco de Mer

เมล็ดของต้น Coco de Mer เป็นเมล็ดพืชที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักมากกว่า 15 กิโลกรัม และมีรูปทรงคล้ายกระดูกเชิงกรานของผู้หญิง

Anse Source d’Argent

Anse Source d’Argent ชายหาดบนเกาะ La Digue เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ด้วยโขดหินรูปร่างแปลกตา

Victoria

หอนาฬิกาใจกลางเมืองวิกทอเรีย บนเกาะมาเฮ เมืองหลวงของประเทศเซเชลส์ ประเทศเล็กๆ ที่มีพลเมืองเพียงราวๆ 1 แสนคน

Victoria

ตลาดปลาในเมืองวิกทอเรีย เราแทบไม่พบเรือประมงขนาดใหญ่ในช่วงระหว่างที่แล่นเรือล่องไปในท้องทะเลของเซเชลส์เลย ปลาแทบทั้งหมดในตลาดนั้นจับมาโดยเรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็ก

Alphonse Island

ภาพถ่ายทางอากาศของเกาะ Alphonse ซึ่งเป็นอะทอลขนาดเล็กอยู่ใกล้กับเกาะมาเฮ เมืองหลวงของประเทศเซเชลส์ บนเกาะนี้มีสนามบินเล็กๆ และมีโรงแรมหรูที่มีห้องพักเพียง 22 ห้อง เกาะ Alphonse เป็น Fly Fishing Destination ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งสำหรับนักตกปลาด้วยอุปกรณ์ Fly Fishing ในภาพนี้จะเห็นปาก Channel ที่น้ำทะเลไหลเข้าไปในลากูนในช่วงน้ำขึ้น และในช่วงน้ำลงน้ำทะเลก็จะไหลออกผ่านทาง Channel นี้เช่นกัน

Alphonse Atoll

โลกใต้ทะเลที่เกาะ Alphonse งดงามไปด้วยฝูงปลาหลากหลายและกัลปังหารูปพัดขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ พบในบริเวณกำแพงผาใต้น้ำใกล้กับปาก Channel ทางออกของ Alphonse Atoll

Flying Fish

ขณะที่เรือของเราล่องไปในมหาสมุทรที่เวิ้งว้าง หัวเรือจะแหวกคลื่นออกเป็นทาง เหล่าปลานกกระจอกที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้ผิวน้ำจะตกใจคลื่นจากเรือ และโผร่อนโดยใช้ปีกของมันเพื่อหลบหนีศัตรู นกทะเลหลายๆ ชนิด เช่น นกบู้บี้ตีนแดง จะคอยบินตามเรือ เพื่อโฉบจับปลานกกระจอกที่โผร่อนหนีคลื่นกินเป็นอาหาร

Sea Turtles

ลูกเต่าทะเลแรกเกิดที่โผล่ผุดขึ้นมาจากหลุมทรายตามธรรมชาติ บนเกาะหลายๆ แห่งในบริเวณ Outer Atoll ของเซเชลส์ยังคงความพิสุทธิ์ของธรรมชาติไว้เหมือนกับย้อนเวลากลับไปนับร้อยปีก่อน ที่ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปน้อยมาก อันเนื่องมาจากระยะทางอันห่างไกล บวกกับการจัดการทรัพยากรที่จำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวไว้เพื่อให้มีผลกระทบต่อธรรมชาติน้อยที่สุด

Blacktip Reef Shark

ฉลามครีบดำ แหวกว่ายอยู่ในบริเวณชายป่าโกงกางด้านในลากูนอันกว้างใหญ่ของเกาะอัลดาบรา

Aldabra Giant Tortoise

เต่ายักษ์อัลดาบรา (Aldabra Giant Tortoise) เป็นเต่าบกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากเต่ายักษ์กาลาปาโกส เคยพบเห็นได้ทั่วไปในมหาสมุทรอินเดีย ก่อนที่จะสูญพันธุ์ไปจากหลายพื้นที่ในช่วงปีค.ศ. 1840 เนื่องจากการขยายตัวของชุมชนและการเดินเรือในมหาสมุทรอินเดียของชาวตะวันตก ปัจจุบันเต่าชนิดนี้ยังคงมีหลงเหลืออยู่ที่เกาะอัลดาบรา และเกาะเล็กๆ อีกหลายแห่งในเซเชลส์ ประมาณ 1 แสนตัว

Coconut Crab

ปูมะพร้าว (Coconut Crab) เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่พบเป็นจำนวนมากบนเกาะอัลดาบรา กับนก Aldabra Rail (Dryolimnas Cuvieri Aldabranus) ซึ่งเป็นนกในตระกูลใกล้กับนกอัญชันที่บินไม่ได้ และเป็นอีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ในธรรมชาติของเกาะอัลดาบรา นกชนิดนี้เป็นสายพันธุ์ย่อยของ White-throated Rail (Dryolimnus Cuvieri) ที่ปกติบินได้ แต่เมื่อมาอยู่บนเกาะแห่งนี้ก็ปรับตัวจนกลายเป็นสายพันธุ์ย่อยที่บินไม่ได้ เมื่อประมาณ 136,000 ปีก่อน จากซากฟอสซิลที่ค้นพบในชั้นหิน ที่น่าสนใจคือ เมื่อเกาะอัลดาบราจมน้ำทะเลลงไปเมื่อ 125,000 ปีก่อน สัตว์หลายๆ ชนิดที่เป็นสัตว์เฉพาะถิ่นบนเกาะแห่งนี้ก็สูญพันธุ์ไป รวมทั้ง Aldabra Rail ที่บินไม่ได้นี้ด้วย สิ่งที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ หลังจากที่เกาะอัลดาบราโผล่กลับขึ้นมาเหนือน้ำอีกครั้ง นก White-throated Rail จากที่อื่น (ซึ่งบินได้) ก็บินกลับมาอาศัยที่เกาะอัลดาบรานี้อีกครั้ง และเมื่อกลับมาอยู่บนเกาะแห่งนี้อีกครั้ง มันก็วิวัฒนาการจนกลับกลายเป็นนกที่บินไม่ได้อีกครั้งหนึ่ง

Blacktip Reef Shark

ฉลามครีบดำ ขณะว่ายน้ำเข้ามาหากินในบริเวณแนวน้ำตื้นแค่เข่าข้างชายฝั่งของเกาะอัลดาบรา

Blacktip Reef Shark

ฝูงฉลามครีบดำหลายสิบตัวมารวมตัวกันในบริเวณแนวน้ำตื้นริมชายหาดข้างเกาะอัลดาบราในช่วงเวลาน้ำขึ้น

Maya Dugong

เรือ Maya Dugong จอดลอยลำอย่างโดดเดี่ยวด้านนอกอะทอลท่ามกลางทะเลที่เวิ้งว้าง เราใช้เวลา 2 สัปดาห์อยู่บนเรือลำนี้ และใช้ชีวิตราวกับนักสำรวจที่ออกเดินทางสำรวจท้องทะเลเฉกเช่นในสารคดีที่ผมเคยดูตอนเด็กๆ

สมัยเป็นเด็ก ช่วงเช้าวันเสาร์ผมชอบดูรายการสารคดีเกี่ยวกับการผจญภัยของ Captian Jacques-Vyes Cousteau และเรือสำรวจสมุทรศาสตร์ที่ชื่อ Calypso ของเขา ในยุคเริ่มต้นการผจญภัยใต้ทะเลดูเป็นเรื่องลึกลับ และมีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่มีโอกาสเข้าไปสัมผัสประสบการณ์ในโลกอันน่าลึกลับแห่งนี้ ซึ่งนั่นเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากออกเดินทางไปสำรวจโลกตั้งแต่เด็ก และสารคดีใต้น้ำเรื่องแรกของโลกที่ชื่อว่า The Silent World หรือ Le Monde du Silence ของเขา ซึ่งออกฉายในปี ค.ศ. 1956 ก็เป็นบันทึกการเดินทางมาสำรวจหมู่เกาะอัลดาบราของเรือ Calypso ในปี ค.ศ. 1955 นั่นเอง

Skiff

เรือ Skiff ขนาดเล็กที่เราใช้ในการดำน้ำและสำรวจพื้นที่ต่างๆ ระหว่างแล่นสำรวจด้านในลากูนอันกว้างใหญ่ของเกาะอัลดาบรา

อัลดาบรา เป็นเกาะปะการังหรือ Atoll ขนาดใหญ่ที่มีลากูนด้านในยาวถึง 35 กิโลเมตร และกว้างถึง 15 กิโลเมตร ทำให้เกาะแห่งนี้เป็นอะทอลขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศเซเชลส์ และเป็นเกาะปะการังที่มีขนาดของพื้นที่ที่เป็นแผ่นดินใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ทั้งยังได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 อีกด้วย

Spinner Dolphin

Spinner Dolphin กระโดดขึ้นเหนือน้ำในบริเวณข้างชายเกาะอัลดาบรา เนื่องจากอัลดาบราเป็นอะทอลที่ตั้งอยู่ใจกลางมหาสมุทร ระหว่างล่องเรือไป เราจะเจอกับวาฬหรือโลมาชนิดต่างๆ อยู่เสมอ

Mangrove Forest

บริเวณด้านในลากูนของเกาะอัลดาบราเป็นแนวป่าชายเลน ซึ่งเป็นแหล่งทำรังวางไข่ของนกทะเลหลายๆ ชนิด ที่มาอาศัยอยู่รวมกันเป็นโคโลนีขนาดใหญ่

Eagle Ray

ฝูงปลากระเบนนก เป็นปลาขนาดใหญ่ที่พบบ่อยมากที่สุดในจุดดำน้ำต่างๆ ของเซเชลส์ ในบางครั้งอาจจะอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่นับสิบตัว

Giant Trevally

ปลากะมงพร้าว (Giant Trevally) ที่เข้ามาหากินในบริเวณใกล้ชายหาดของเกาะ Cosmoledo เป็นเป้าหมายของนักตกปลาด้วยอุปกรณ์ Fly Fishing ที่ใฝ่ฝันว่าจะได้มีโอกาสเดินทางมาตกปลาชนิดนี้สักครั้งในชีวิต แม้ว่าหมู่เกาะอัลดาบราจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและห้ามตกปลาหรือทำการประมงใดๆ เด็ดขาด แต่เกาะรอบๆ ข้างอย่าง Cosmoledo และ Astove หรืออะทอลที่อยู่ห่างออกไปอย่าง Farquhar Atoll นั้น รัฐบาลเซเชลส์ให้สัมปทานกับเอกชนในการตั้งแคมป์เพื่อรองรับนักตกปลาแบบ Fly Fishing จากทั่วโลก โดยเกาะแต่ละแห่งจะจำกัดจำนวนนักตกปลาไว้เพียงสัปดาห์ละ 10-20 คน และเก็บค่า Impact Fee จากนักตกปลาสูงถึงคนละประมาณ 700,000 บาทต่อสัปดาห์ ไม่รวมค่าเดินทาง และต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 ปี อีกทั้งปลาทุกตัวที่ตกได้จะต้องปล่อยกลับลงไปในน้ำด้วย

Red-footed Booby

ลูกนกบู้บี้ตีนแดง เมื่อยังไม่โตเต็มวัยจะมีขนสีขาวปุกปุย ในขณะที่รอแม่บินออกไปกลางทะเลเพื่อหาเหยื่อกลืนใส่คอ ก่อนบินกลับมาแล้วขยอกเหยื่อออกมาป้อนลูกน้อย

Bijoutier Island

เกาะ Bijoutier เกาะเล็กๆ ที่ปกคลุมไปด้วยร่มเงามะพร้าวและหาดทรายสีขาว เป็นเกาะที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเซเชลส์

 

เรื่องและภาพ : นัท สุมนเตมีย์